ถ้าคุณเป็นคนยุค #90 คุณก็ต้องเติบโตมากับเพลงฝากเลี้ยง หรือเพลงคาใจ ของ “เจ เจตริน วรรธนะสิน” แต่ถ้าเป็นวัยรุ่นยุค Millennials แน่นอนว่าต้องเป็นเพลงคนละชั้น ของ “เจ้านาย-จิณเจษฎ์ วรรธนสิน” แต่อาจจะมีน้อยคนนักที่ทราบว่า “คุณเจริญ วรรธนะสิน” ซึ่งเป็นคุณพ่อของเจและเป็นปู่ของเจ้านาย ก็เป็นคนดังในอดีตเช่นกัน
ดังนั้น อาจบอกได้ว่า ครอบครัววรรธนะสิน เป็นบุคคลที่เป็นไอดอลของคนแต่ละยุคมาโดยตลอด ตั้งแต่รุ่นพ่อ รุ่นลูก และรุ่นหลาน เป็นคน 3 เจเนเรชั่น ที่ได้รับความชื่นชมในสังคม อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของคนทั้ง 3 มิได้มาจากชื่อเสียงของครอบครัวเพียงอย่างเดียว แต่ทั้งหมดเกิดจากอะไรบ้างลองมาดูเส้นทางความสำเร็จของครอบครัวนี้กัน
3 เคล็ดลับความสำเร็จในแบบครอบครัว “วรรธนะสิน”
1.เก่งมีความสามารถ
ในเรื่องความเก่งและความสามารถ คุณเจริญ หรือศาสตราจารย์พิเศษ เจริญ วรรธนะสิน เป็นทั้งอดีตนายกสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ และเป็นแชมป์การแข่งขันแบดมินตันในรายการดังระดับโลกหลายรายการ อีกทั้งยังได้รับการยกย่องจากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้เป็นบุคคลที่มีผลงานดีเด่นทางด้านวิชาการ และยังเป็นผู้แต่งหนังสือที่ขายดีอีกหลายเล่ม
ในขณะที่ เจ-เจตริน เรียกได้ว่าเป็นเจ้าพ่อแร็พเพอร์ของไทยในยุค 90 แม้กระทั่งวันนี้ผู้คนก็ยังคงร้องและเต้นตามเพลงของเขาได้ ไม่เพียงแค่นั้น เจ ยังมีความสามารถทางเจ็ทสกีชนะเลิศหลายรายการ รวมไปถึงการคว้าแชมป์โลก ถ้วยพระราชทานในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้สำเร็จ ส่วน เจ้านาย-จินเจษฎ์ ก็ไม่แพ้กัน แม้จะเพิ่งเป็นนักร้อง แต่แค่ออกซิงเกิ้ลแรกแต่ก็ประสบความสำเร็จ มียอดวิวเพลง “คนละชั่น” มากกว่า 79 ล้านวิว
“เราได้เห็นช่วงที่คุณพ่อทุ่มเทกับการเป็นนักแบดมินตันสุดๆ คุณพ่อฝึกฝนหนักมากจนประสบความสำเร็จ ได้แชมป์แบดมินตันระดับโลก แต่เราไม่ได้เห็นความสำเร็จของคุณพ่อแค่มุมเดียว ยังเห็นในมุมของการทำงานด้วย คือเขาทุ่มสุดๆ จริงๆ พอมาในยุคเราก็เหมือนกันเราก็มีคุณพ่อเป็นแบบอย่างที่ดี เป็นไอดอลของเรา อยากประสบความสำเร็จเหมือนพ่อ แต่เป็นความสำเร็จในแบบของเรา เราก็เลยทำตามอย่างที่ท่านทำคือทุ่มเทกับสิ่งที่ทำให้เต็มที่ และที่สำคัญต้องคิดให้ต่างกับคนอื่นครับ สิ่งหนึ่งที่เราเรียนรู้จากท่านคือให้รู้จักคิด คิดให้ต่าง และพยายามทำให้สำเร็จครับ และผมเองก็นำแนวความคิดของคุณพ่อมาปรับใช้ เห็นได้ชัดเรื่องของแนวดนตรีของผม เพราะความคิดต่าง นี่แหล่ะที่ทำให้ผมไปถึงจุดที่ทุกคนมองว่าประสบความสำเร็จสุดๆในยุคนั้นได้ ผมเป็นคนที่เวลาผมทำอะไรก็ทำแบบสุดๆ ตอนเป็นนักร้องก็ตั้งใจแบบสุดๆ ครับ” เจ-เจตริน กล่าว
2.ความมุมานะ
ไม่เพียงแค่มีความเก่งเท่านั้น แต่ทั้ง 3 คนยังมีความมุ่งมั่น ความอดทน และความมุมานะ ถึงจะทำให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายได้ อย่างคุณเจริญ ชัดเจนว่าถ้วยรางวัลทางด้านแบดมินตันไม่ได้มาง่ายๆ แน่นอน แต่ต้องผ่านการฝึกซ้อม ฝึกฝนมาอย่างลำบาก หากไม่มีความมุ่งมั่นแล้วก็คงยากที่จะประสบความสำเร็จ
เช่นเดียวกับ เจ-เจตริน และ เจ้านาย ที่กว่าจะมาเป็นศิลปินที่โด่งดังได้นั้น ต้องผ่านการฝึกซ้อม ทั้งร้องและเต้นนับพันครั้ง เพื่อที่จะถ่ายทอดความสนุกสนานสู่ผู้ชมได้ และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังได้รับความนิยมอยู่
3.ความกล้าที่จะแตกต่าง อย่างสร้างสรรรค์
ความสามารถของคุณเจริญ ต้องยอมรับว่ามีหลากหลาย ซึ่งท่านเป็นเลิศทั้งด้านกีฬาและด้านวิชาการ เป็นความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดในคนยุคเดียวกัน ส่วน เจ-เจตริน นั้นเรียกได้ว่าเป็นศิลปินแถวหน้าในแนวเพลงแดนซ์และแร็พในยุคแรกๆ ของไทย ซึ่งสมัยนั้นยังไม่ค่อยมีนักร้องคนไหนมาในแนวทางนี้ รวมถึงการบุกเบิกกีฬาเจ็ทสกีด้วยจนทำให้กีฬาดังกล่าวได้รับความนิยมมาก ด้าน เจ้านาย นับได้ว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่กำลังสร้างความสำเร็จในรูปแบบของตัวเอง และยังเป็นแบบอย่างของเด็กที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาอย่างมาก ซึ่งตอนนี้กำลังศึกษาระดบไฮสคูลที่อังกฤษ
“สำหรับผมนิยามคำว่า ความสำเร็จ ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ของรุ่นคุณปู่ก็เป็นอีกแบบ รุ่นคุณพ่อก็อีกแบบ ของผมก็อีกแบบ คุณปู่และคุณพ่อเป็นไอดอลของผม เป็นแรงบันดาลใจให้ผมอยากประสบความสำเร็จ แต่เป็นความสำเร็จในแบบของผมครับ” เจ้านาย-จินเจษฎ์ กล่าว
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าสิ่งหนึ่งที่ครอบครัววรรธนะสินทั้ง 3 รุ่นนี้เหมือนกันคือ เป็นคนเก่งมีความสามารถ มีความมุ่งมั่น และก็ยังมีความคิดสร้างสรรค์กล้าแตกต่างไม่เหมือนคนรุ่นเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดนี้นำไปสู่เป้าหมายและความสำเร็จในแบบของตัวเอง จึงทำให้ “แบรนด์ซุปไก่สกัด” เลือกทั้ง เจ-เจตริน และเจ้านาย-จินเจษฎ์ เป็นคู่พ่อลูกพรีเซ็นเตอร์ล่าสุด ซึ่งตรงกับเจตนารมณ์ของแบรนด์ที่ต้องการสร้างการรับรู้ว่า ใครก็ประสบความสำเร็จได้ หากรู้จักวางแผนและลงมือทำอย่างจริงจัง
และไม่เพียงแค่เรื่องความสามารถเท่านั้น ที่ทำให้ทั้งสองคนได้รับเลือก แต่เพราะว่า ทั้งคุณเจริญ, เจ และเจ้านาย ต่างก็เป็นผู้ที่ดื่มแบรนด์ซุปไก่สกัดตัวจริง และยังเป็นหนึ่งในเคล็ดลับความสำเร็จที่หลายคนอยากรู้
นอกจากนี้ ในแง่ของการตลาดและการสร้างแบรนด์ การเลือกพ่อลูก เจและเจ้านาย ยังเป็นการสะท้อนภาพการสนับสนุนคนต้นแบบของคนทุกยุคที่ประสบความสำเร็จของแบรนด์ซุปไก่สกัดอีกด้วย ซึ่งจุดนี้เองจะทำให้แบรนด์ซุปไก่สกัดสามารถครองใจคนทั้งสองกลุ่มได้ ทั้งการรักษาฐานลูกค้าเก่า พร้อมทั้งขยายไปสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่จากฐานแฟนคลับ #สะใภ้มโน อีกด้วย
นับเป็นความแยบยลของแบรนด์ที่ได้ประโยชน์หลายต่อจากการเลือกสองพ่อลูกคนดังเป็นพรีเซ็นเตอร์ในครั้งนี้