หลังกระแสการใช้ QR Code เพื่อชำระเงินในประเทศจีนได้รับความสนใจอย่างมากเนื่องจากช่วยให้ผู้ซื้อสามารถใช้ศักยภาพของเม็ดเงินในบัญชีได้อย่างเต็มที่จากเดิมที่สามารถกดเงินได้ที่ตู้ ATM เฉพาะธนบัตรเท่านั้นแต่หากต้องการกดเงินในมูลค่าต่ำมากๆจะไม่สามารถกดเงินได้ซึ่ง QR Code นี้จะเข้ามาเสริมศักยภาพการใช้จ่ายได้อย่างลงตัวประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาประเทศไทยQR Code จะช่วยให้นักท่องเที่ยวชาวจีนจับจ่ายใช้สอยได้ง่ายเสมือนใช้จ่ายที่ประเทศจีน
ทันทีที่กระแส QR Code ได้รับการตอบรับอย่างรวดเร็วจากทุกฝ่าย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกรงว่าบรรดาผู้ให้บริการทางการเงินจะเข้ามาจับกระแส QR Code จนก่อให้เกิด QR Code จำนวนมากและอาจสร้างความสับสนในการใช้งานได้ด้วยเหตุนี้ธปท.จึงประกาศการพัฒนา Standard Thai QR Code เพื่อให้เกิดมาตรฐานการใช้ QR Code เพียงรูปแบบเดียวบน Regulatory Sandbox หรือพื้นที่ทดลองการใช้ระบบ QR Code Payment ใน 3 พื้นที่ได้แก่ตลาดนัดจตุจักร (JJ), ห้างแพลตตินัม (Platinum) และสยามสแควร์
โดยเป้าหมายของ Sandbox เพื่อสร้างมาตรฐานการใช้ QR Code ที่ทุกสถาบันสามารถใช้ QR Code แบบเดียวกันได้หมดซึ่งแต่เดิมกำหนดการระบุจะสิ้นสุดการทดลองระบบในปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมาทว่าการทดสอบยังไม่เสร็จสิ้นจึงมีการขยายระยะเวลาทดลองออกไปจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้อนุญาตให้สถาบันการเงินที่เข้าร่วมทดสอบการใช้ระบบ QR Code Payment ออกจาก Regulatory Sandbox จำนวน 5 รายประกอบด้วย ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกรุงเทพ และ ธนาคารออมสิน โดยได้พิจารณาความพร้อมครอบคลุมในเรื่องสำคัญที่ประกอบไปด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ, ด้านบริหารความเสี่ยง, การคุ้มครองผู้บริโภคและความปลอดภัยรวมทัังการเตรียมสาขาและ Call Center เพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
หลังจากนี้ธนาคารทั้ง 5 รายสามารถให้บริการ QR Code Payment นอกเหนือจากพื้นที่ทดสอบระบบทั้ง 3 แห่งได้ทันทีและจะเป็นก้าวที่สำคัญต่อการพัฒนารูปแบบการชำระเงินไปสู่ยุคสังคมไร้เงินสดทั้งนี้ระบบ QR Code Payment จะใช้พร้อมเพย์ (Prompt pay) เป็นพื้นฐานในการดำเนินการโดยสามารถชำระเงินตั้งแต่ 1-5,000 บาทได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
Source: ธนาคารแห่งประเทศไทย