ปรากฏการณ์ ฝุ่น PM 2.5 ในช่วง 1-2 ปีผ่านมา ช่วยผลักดันให้ตลาดเครื่องฟอกอากาศโตกว่าหลายสิบปีที่ผ่านมาหลายเท่าตัว
“เครื่องฟอกอากาศ” ที่เคยเป็นสินค้าเฉพาะกลุ่ม กำลังเปลี่ยนเทรนด์เป็น “ไอเทมจำเป็นที่ต้องมี” ของเกือบทุกบ้านทุกครัวเรือน แทบไม่ต่างกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ
ที่สำคัญ เมื่อดูจากแนวโน้มปัญหามลพิษที่หนักหน่วงขึ้นในทุกปี ยังสร้างดีมานด์ความต้องการผู้บริโภคที่น่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอีกระยะยาว เพราะตราบใดที่ประเทศไทยยังแก้ปัญหาฝุ่นควัน pm 2.5 ไม่ได้ ความสำคัญของเครื่องฟอกอากาศย่อมผันแปรควบคู่กับความต้องการคุณภาพชีวิตที่ดี และความต้องการที่อยากมีอากาศบริสุทธิ์
เลือกเครื่องฟอกอากาศ ผู้บริโภคดูที่อะไร?
เชื่อว่าอีกไม่กี่เดือน ฝุ่น PM 2.5 ก็จะกลับมาเป็นปัญหาของประเทศอีกครั้ง ช่วงเวลานี้จึงเป็นเวลาคนไทยต้องเตรียมความพร้อมก่อนเผชิญกับปัญหาฝุ่นควันพุ่งระดับสูง ขณะเดียวกัน ด้วยสถานการณ์โควิด-19 และหลายปัจจัย ส่งผลให้คนไทยเริ่มใช้ชีวิตอยู่ในบ้านมากขึ้น ซึ่ง “เครื่องฟอกอากาศ” จึงเป็นสิ่งแรกที่ทุกคนนึกถึง หากพูดถึงการเลือกฟอกอากาศ สิ่งที่ผู้บริโภคสนใจ คงไม่พ้นประสิทธิภาพ ราคา และรูปลักษณ์ เป็นอันดับต้น ๆ
แต่สำหรับกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มพรีเมียม ในเซ็กเมนท์ B+ ขึ้นไป ดูจะแตกต่างมากขึ้นอีกนิด เนื่องจากคนกลุ่มนี้ให้ความสำคัญต่อ “คุณภาพมาตรฐาน” ในการพิจารณาอันดับแรก โดยเฉพาะหากมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ให้ Performance ดีๆ สามารถช่วยในการดักกรองฝุ่น เชื้อโรคต่างๆ ได้เต็มประสิทธิภาพจริง ย่อมเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคกลุ่มนี้ยินดีที่จะลงทุน โดยไม่สนปัจจัยราคา
กระแสฝุ่นมลพิษที่มาแรง ทำให้ตลาดเครื่องฟอกอากาศกำลังโตไม่หยุด แม้แต่แบรนด์พรีเมียมในตลาดอย่าง Blueair เองก็ได้รับอานิสงส์มีตัวเลขเติบโตก้าวกระโดดเช่นกัน ซึ่งทางแบรนด์ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เริ่มหันมาทำตลาดอย่างจริงจัง โดยการปล่อยสินค้ารุ่นใหม่ ๆ ออกมาให้เห็นมากขึ้น
รู้จัก Blueair
Blueair เป็นแบรนด์จากสวีเดนที่คร่ำหวอดในวงการเครื่องฟอกอากาศมานานหลายสิบปี และเป็นแบรนด์ที่ได้รับความเชื่อถือมานาน ซึ่งวัดผลตอบรับได้จากการที่แบรนด์มีการวางจำหน่ายในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก แม้แต่ในไทยเอง ทางแบรนด์ก็มีการวางจำหน่ายมากกว่าสิบปีแล้ว
ปัจจัยความสำเร็จของการเป็นแบรนด์ไฮเอ็นด์ที่คนทั่วโลกยอมรับ น่าจะมาจากปรัชญาของ Blueair คือความคิดที่ว่า ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในการรับอากาศบริสุทธิ์สะอาดได้ทุกคน
ซึ่งเกิดจากความพากเพียรของ Blueair ทำให้ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา BLUEAIR พัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ ที่เป็นต้นแบบการสร้างสรรค์สินค้าคุณภาพมากมาย เช่น เครื่องฟอกอากาศ เครื่องตรวจสอบอากาศ แผ่นกรองอากาศ ฯลฯ ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นกลยุทธ์ หรือจุดแข็งสำคัญของแบรนด์ที่ทำให้มีความแตกต่างจากค่ายอื่น ๆ
ปรัชญาการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมไม่หยุดยั้ง ตลอดจนความเที่ยงตรงในการรักษาคุณภาพสินค้าอยู่เสมอ นำมาสู่แนวคิดการออกแบบเครื่องฟอกอากาศที่ดีที่สุดในโลก ด้วย เทคโนโลยี HEPASilentTM ที่สามารถขจัดอนุภาคในอากาศได้ 99.97% ได้ถึง 0.1 ไมครอน จึงสามารถดักจับไวรัสและไมโครพลาสติกที่เล็กที่สุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยให้ลูกค้าหายใจได้มากขึ้นและกังวลน้อยลง เนื่องจากการลดมลพิษทางอากาศภายในบ้านได้เป็นอย่างดี
ความเป็นแบรนด์จากสวีเดนของ Blueair ยิ่งตอกย้ำความตั้งใจที่จะคิดค้นคว้า วิจัยในการผลิตและพัฒนาเป็นผู้นำในการผลิตเครื่องฟอกอากาศอย่างเดียว เพื่อให้เป็นเครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพที่สุด
ซึ่งข้อดีของการโฟกัสเฉพาะสินค้าตัวใดตัวหนึ่งอย่างเดียว จึงทำให้แบรนด์เป็น Expert ด้านเครื่องฟอกอากาศ ที่มี perfomance สูงสุด อีกทั้งยังเป็นเครื่องฟอกอากาศแบรนด์เดียวในตลาดเท่านั้น ที่ใส่ใจเรื่อง After sale service บริการหลังการขายอย่างจริงจัง โดยทาง Blueair มี Call Center และทีมผู้เชี่ยวชาญ รองรับให้คำปรึกษา และ ถาม-ตอบปัญหาในทุกจุดที่ลูกค้าสงสัย
จึงไม่แปลกใจที่เครื่องฟอกอากาศ Blueair ถูกเลือกให้เป็นแบรนด์ที่ยอมรับในกลุ่มผู้บริโภคทั่วโลก
อีกจุดเด่นคือ Blueair ยังคงพัฒนาแบรนด์และสินค้าอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบที่มีโจทย์มาจาก “นวัตกรรม” อาทิ เช่น การสั่งงานผ่าน Application ที่เรียกว่า “Blueair” โดยผลิตภัณฑ์ Blueair จะมีการปรับโฉมใหม่ทุกปีอย่างต่อเนื่อง
อีกหนึ่งสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทำให้ Blueair แตกต่าง คือในแง่คุณภาพวัสดุ ด้วยตัวเครื่องทำจากเหล็กไม่เพียงทำให้สินค้าดูพรีเมี่ยม แต่ยังมีความแข็งแรง และอายุการใช้งานที่ยาวนาน
ขณะเดียวกันทางแบรนด์ยังไม่ทิ้งด้านการพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาฟีเจอร์ สั่งงานด้วยเสียงผ่าน Alexa ได้ อีกทั้งยังสามารถสั่งการทำงานเครื่องฟอกอากาศผ่าน Application Blueair app รองรับทั้งระบบ ios และ Android โดยเชื่อมต่อผ่าน Wifi กับตัวเครื่องฟอกอากาศ สุดล้ำด้วยฟีเจอร์สั่งงานให้เครื่องทำงานล่วงหน้าจากนอกบ้านได้ เพียงเท่านี้เมื่อคุณกลับมาถึง บ้านของคุณก็จะพร้อมด้วยอากาศสะอาดและบริสุทธิ์ทุกครั้ง ช่วยให้ง่ายและสะดวกสบายมากขึ้น สมกับความเป็นเครื่องฟอกอากาศระดับไฮเอ็นด์
เจาะลึก ทำไมเทคโนโลยี Blueair แตกต่างจากเครื่องฟอกอากาศทั่วไป
เมื่อเจาะลึกการทำงานเทคโนโลยีเครื่องฟอกอากาศ ที่โดยทั่วไป มักจะเป็นเพียงแค่ดันอากาศสกปรกผ่านแผ่นกรอง แต่เทคโนโลยี HEPASilentTM ของ Blueair ได้ผสมผสานเทคโนโลยี การกรองสองแบบเข้าด้วยกัน นั่นคือแบบ Electrostatic ทำงานคู่กับไส้กรอง ผลลัพธ์ที่ได้คืออากาศที่สะอาด มากขึ้นในอัตราที่เร็วขึ้น เสียงเบาลง ใช้พลังงานน้อยลง
นอกเหนือจากฝุ่นยังสามารถดักจับสารก่อภูมิแพ้ ประเภทต่าง ๆ เช่น คนที่เป็นภูมิแพ้เกสรดอกไม้,ภูมิแพ้น้องหมาน้องแมวจากสัตว์เลี้ยงที่คุณรัก, แบคทีเรียและควัน ถ่านคาร์บอนในไส้กรองยังสามารถ กำจัดกลิ่นก๊าซและสาร VOC ได้ เช่น ทินเนอร์ สารทำความสะอาด ควันบุหรี่ สีทาบ้าน น้ำยาฟอกสี น้ำยาซักแห้ง ยาฆ่าแมลง เป็นต้น
ซึ่งการพัฒนานวัตกรรม ได้สร้างความน่าเชื่อถือมากขึ้น ด้วย Certificate ต่าง ๆ ที่ทาง Blueair ได้รับ
เพราะ Blueair มีความเชื่อที่ว่า อากาศเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ จึงอาจทำให้มีการฉวยโอกาสบิดเบือนผลการทดสอบที่แท้จริง เป็นเหตุผลที่ทาง Blueair จึงต้องมีการทดสอบประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ในหลากหลายสภาพห้อง สภาพพื้นที่ จากสถาบันที่ได้รับการเชื่อถือระดับโลก (AHAM Certificate) สม่ำเสมอมาโดยตลอด
รวมถึงการที่ทางแบรนด์จะทำการทดสอบและรับรองประสิทธิภาพ ค่า CADR หรือ Clean Air Delivery Rate ซึ่งเป็นมาตรฐานการทดสอบที่ในสหรัฐอเมริกา กลุ่มแบรนด์ใหญ่ๆ ที่จำหน่าย ส่วนมากมักจะนำเครื่องของตัวเองไปทดสอบหาค่า CADR จากสถาบันที่น่าเชื่อถืออย่าง AHAM (Association of Home Appliance Manufacturers) และผู้บริโภคก็สามารถเข้าไปตรวจสอบได้จาก www.ahamdir.com
ถามว่า CADR = Clean Air Delivery Rate คืออะไร?
CADR คืออัตราการส่งผ่านอากาศบริสุทธ์ เป็นค่าที่บอกประสิทธิภาพการฟอกอากาศที่แท้จริงโดยการนำไปทดสอบในห้องปฏิบัติการกับ ควันบุหรี่ (Smoke), ฝุ่น (Dust) และ เกสรดอกไม้ (Pollen) มีหน่วยเป็นมาตรฐานเป็น CFM (Cubic Feet per Minute)
Blue air เลือกแตกต่าง เพราะ after sales service
ด้านการบริการหลังการขาย after sales service และการรับประกันสินค้า เป็นสิ่งที่แบรนด์ให้ความสำคัญ และยิ่งทำให้ลูกค้าหายใจได้คล่องขึ้น และวางใจได้ เมื่อใช้บริการของ Blueair ช่วยให้ลูกค้าไม่ต้องกังวลเรื่องเปลี่ยนไส้กรอง
นอกจากตัวเครื่องมีการรับประกัน 5 ปี แล้ว ด้านการบริการหลังการขาย ยังมีความโดดเด่น เจ้าหน้าที่ของ Blueair จะเข้าไปทำการตรวจเช็คเครื่องและไส้กรองฟรี 1 ปี (โดยทุก 6 เดือน จำนวน 2 ครั้ง) ซึ่งจะทำหน้าที่ทั้งเช็คการทำงานและทำความสะอาดไส้กรองให้ มีเจ้าหน้าที่แจ้งเตือนและนัดวันเวลาเข้าไปบริการ ซึ่งทั้งหมดนี้ลูกค้าไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ และหลังจาก 1 ปี ถ้าสั่งซื้อไส้กรองผ่านช่องทางจำหน่ายของบริษัท สามารถแจ้งให้ทาง ฝ่าย Service เข้าไปบริการได้ฟรีเช่นกัน
นอกเหนือจากบริการหลังการขายที่โดดเด่น ทาง Blueair มีการจัดโปรแกรมพิเศษ คือ Replacement program ซึ่งเป็นแบรนด์เดียวที่มีเครื่องฟอกอากาศสำรองให้ลูกค้าใช้ในระหว่าง ที่ลูกค้าส่งเครื่องตรวจเช็ค (บริการนี้ เฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเท่านั้น)
ขณะนี้ Blueair มีกิจกรรมร่วมสนุกรับรางวัลเป็นเครื่องฟอกอากาศ Blueair ไปสร้างอากาศบริสุทธิ์ที่บ้านอย่างสบายๆไปเลย ระยะเวลาร่วมสนุก : 9 ธ.ค. 63 – 31 ธ.ค. 63 ร่วมเล่นกิจกรรมได้ตามลิงก์นี้เลย คลิกที่นี่