ถ้าพูดถึงแบรนด์น้ำผลไม้รสส้มที่คนไทยคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ก็ต้องเป็น “ไบเล่” อย่างแน่นอน แล้วทราบหรือไม่ว่าเจ้าของเดิมของไบเล่นั้นเป็นชาวเยาวราชที่มีกำลังการผลิตเพียงแค่ 8,000 ขวดเท่านั้น และจัดส่งเฉพาะบางพื้นที่ทำให้ในยุคหนึ่งเราหาไบเล่ดื่มได้ยากมาก แต่ตอนนี้อย่างที่เราเห็นกันว่าสามารถซื้อหาไบเล่ได้ง่ายขึ้น เพราะมีขายอยู่ใน 7Eleven และร้านค้าทั่วไป และการทำตลาดของไบเล่คึกคักมากขึ้นหลังจากที่ “ตัน” เจ้าพ่อชาเขียวได้ตัดสินใจซื้อเครื่องหมายการค้าไบเล่ มาด้วยมูลค่า 240 ล้านบาท พร้อมกับลุยตลาดในต่างประเทศด้วย ได้แก่ กัมพูชา เกาหลีใต้ แคนาดา พม่า ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา จีน อินเดีย ฮ่องกง บังคลาเทศ อินโดนีเซีย ไต้หวัน และเวียดนาม
และอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจจากไบเล่ เมื่อได้มีการปรับ Message ของแบรดน์ใหม่ โดยเน้นแนวคิด “ความชื่นใจ รสผลไม้” เป็นการตีความโจทย์ใหม่โดย “ต่อ ธนญชัย” ผู้กำกับโฆษณาแถวหน้าของเมืองไทยที่ช่วยพลิกโฉมใหม่มาแล้วให้กับหลายแบรนด์ โดยตอกย้ำว่า “ไบเล่ คือความสุขรสผลไม้” ที่หากคุณต้องการให้คนที่ตัวเองรักหรือคนรอบข้างมีความสุข ก็ส่งไบเล่ให้ดื่มเพื่อความสุขสดชื่นนั่นเอง
และนอกจาก Message ใหม่ที่ส่งออกมาให้ผู้บริโภครับรู้แล้ว เพื่อขยาย Awareness ให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น จึงได้จัดทำ TVC ตัวใหม่ออกมาอีกด้วย ซึ่งยังคงสไตล์ดิบและเรียลเหมือนเดิม เป็นอย่างไรนั้นไปชมกันค่ะ
ไบเล่ ใครสั่ง!
httpv://www.youtube.com/watch?v=xg8QWQLuy2U
นักแสดงส่วนใหญ่ไม่ใช่คนดัง (แม้บางคนเราจะคุ้นหน้าในหนังโฆษณาอยู่บ้างก็ตาม) และไม่มีการประดิดเสื้อผ้าหน้าผมให้ดูสวยงาม เป็นสไตล์เรียลและดิบอย่างที่เราคุ้นเคยในงานของ “ต่อ ธนญชัย” หลายชิ้น และฉากถ่ายทำดำเนินเรื่องผ่านร้านก๋วยเตี๋ยวบ้านๆ ธรรมดา เหมือนนั่งกินที่ปากซอยหน้าบ้าน ซึ่งเชื่อว่าเพื่อเป็นการเคารพจุดกำเนิดดั้งเดิมของไบเล่ ได้แก่ถิ่นเยาวราชนั่นเอง
หนังนำเสนอความวุ่นวายการขายก๋วยเตี๋ยวของสองผัวเมีย ที่จู่ๆ ก็มีไบเล่หนึ่งขวดโผล่ออกมา แต่ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนสั่งลูกค้าก็บอกไม่ได้สั่ง จนทำให้เมียเจ้าของร้านหงุดหงิดเลยตะโกนออกมาด้วยความโมโหว่า “ใครสั่ง!” ฝ่ายผัวก็เฉลยว่า “อั๊วเป็นคนสั่งเอง” เมียจึงสวนกลับไปด้วยอารมณ์อีกว่าสั่งทำไม ผัวจึงให้เหตุผลว่า “ก็เห็นลื้อเหนื่อยไง” จุดนี้เองที่เซอร์ไพรส์อารมณ์คนดูและแม้แต่คนในร้านทุกคนถึงความโรแมนติกในสไสล์ของเฮียเจ้าของร้านนั่นเอง ประกอบกับมีเพลง “เพียงคำเดียว” (ของคุณสุเทพ วงศ์กำแหง) ขึ้นมาคลอ และจุดนี้เองหนังก็ได้ส่ง Key Message ของแบรนด์ออกไป ว่าถ้าเป็นห่วงใคร อยากเห็นใครมีความสุขก็สั่งไบเล่ให้เขาดื่มซะ เพราะ “ไบเล่ ความสุขรสผลไม้”
เป็นความต้องการในการสื่อสารของไบเล่ ที่ส่งไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ว่า วันนี้ไบเล่เป็นความสุขรสผลไม้ที่ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่น้ำส้มในขวดแก้วเท่านั้น แต่ยังมีในรูปแบบขวดพลาสสิตกและหาซื้อได้ง่ายมากขึ้น และปัจจุบันมีทั้ง 3 รสด้วยกัน ได้แก่ รสลิ้นจี่ รสส้ม รสองุ่น ซึ่งน่าจะโดนใจคนรุ่นใหม่ที่ชอบรสชาติน้ำผลไม้แบบสดชื่นของไบเล่ ซึ่งถูกส่งต่อมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ แต่ปรับรูปแบบการสื่อสารใหม่ให้ดูทันสมัยและ younger มากขึ้น