เศรษฐกิจจะดีหรือไม่ เราสามารถดูได้จากหลายปัจจัยและหนึ่งในนั้น คือตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เป้นดรรชนีชี้วัดเศรษฐกิจไทย ยิ่งตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเติบโต หมายความว่าเศรษฐกิจไทยอาจดูไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้หลายคนลดค่าใช้จ่ายเพื่อเก็บเงินในกระเป๋าเพิ่มมากขึ้น แต่ในตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบพรีเมี่ยมกลับกัน โดยเฉพาะตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสไตล์เกาหลี
นั่นคือโอกาสที่ bibigo บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสชาติต้นตำรับจากเกาหลีในรูปแบบรามยอนเข้าสู่สมรภูมิการแข่งขันในตลาดบะหมี่เกาหลีพรีเมี่ยมที่เรียกว่า ก่อนหน้านี้มีแบรนด์เกาหลีเข้ามากรุยทางไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง bibigo เป็นแบรนด์ย่อยของ CJ Foods ผู้นำด้านอาหารเกาหลีระดับโลก ซึ่งการเข้ามาครั้งนี้บอกเลยว่าทาง bibigo ไม่ได้เข้ามาเล่นๆ แต่เป็นการเข้ามาในลักษณะการเรียนรู้ตลาด ก่อนส่งทัพหลวงลงสู่สนามการแข่งขัน
bibigo เอาใจคนรัก K-Culture จับพฤติกรรมคนไทย
เรียกได้ว่าตลาดประเทศไทยถือเป็นตลาดแรกที่ bibigo เข้ามาทำตลาดนอกเกาหลี โดยกลุ่มเป้าหมายหลักจะเน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่นิยมใช้ชีวิตช่วงเวลากลางคืน สอดรับกับพฤติกรรมคนไทยที่นิยมดูซีรี่ย์เกาหลีช่วงเวลากลางคืนก่อนนอน แน่นอนว่าเพื่อให้เข้าถึงบรรยากาศเกาหลี (K-Culture) หลายคนเลือกที่จะกินบะหมี่เกาหลีในช่วงเวลาดังกล่าว รวมไปถึงซี่รี่ย์บางเรื่องที่มีฉากการกินรามยอมทำให้ผูชมเกิดอาการหิวกลางดึก
นั่นทำให้ bibigo ส่งแคมเปญที่สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภค “Full Flavors for a Delicious Night ซู้ดสุข ทุกคืน” นอกจากนกลุ่มคนที่ชอบดูซีรี่ย์เกาหลีแล้วยังเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบศิลปินเคป็อป (K-POP) ตอกย้ำความตั้งใจในการเข้ามาทำตลาดในฐานะผู้สร้างสรรค์ไลฟ์สไตล์เกาหลีให้กับทุกคน
โดย bibigo ตั้งใจเป็นจุดเชื่อมวัฒนธรรมเกาหลีให้ใกล้ชิดกับคนไทยมากยิ่งขึ้นและเป็นประตูสู่วัฒนธรรมเกาหลีอื่นๆ โดยเฉพาะวัฒนธรรมการรับประทานอาหารมื้อดึกหรือในภาษาเกาหลีที่เรียกว่า “ยาชิก” ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อาหารเกาหลีและซีรีส์เกาหลีมาบรรจบกัน ส่งผลให้ bibigo อยู่ในฐานะเพื่อนคู่ใจยามดึก
สู้ศึกตลาด Korean Premium ที่เข้าถึงได้
สำหรับตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของไทยจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ โดยกลุ่มแรก Local Brand จะเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด มีการตั้งราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย รองลงมาเป็นกลุ่ม Local Premium ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้ผลิตรายเดียวกับกลุ่ม Local Brand แต่มีการพัฒนาสินค้า โดยปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นมาเล็กน้อย และตลาด Korean Premium แม้จะเป็นกลุ่มที่เล็กที่สุด แต่ก็เป็นกลุ่มที่มีการเติบโตมากที่สุด
สำหรับตลาดบะหมี่ในประเทศไทยที่มีมูลค่ากว่า 2.67 หมื่นล้านบาท และมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วเฉลี่ย 10.7% ต่อปี โดยเป็นผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถึง 80.24% ขณะที่ผู้บริโภคชาวไทยมีอัตราการบริโภคบะหมี่เฉลี่ยเป็นอันดับ 9 ของโลกอยู่ที่ประมาณ 55 ซองต่อปี โดยวางเป้าหมายยอดขาย 100 ล้านบาทภายใน 1 ปีนับจากช่วงที่วางจำหน่าย
โดย bibigo มาพร้อมกับเอกลักษณ์ของบะหมี่เกาหลีที่เส้นหนานุ่ม พร้อมด้วยซอสสูตรเฉพาะของ bibigo มาพร้อมกับ 5 รสชาติ ทั้ง รสต็อกบกกีเผ็ด, รสชีสต็อกบกกี, รสกิมจิ, รสไก่เกาหลี และรสไก่รมควันสไตล์เกาหลี โดยวางจำหน่ายที่ 7-Eleven ในราคาห่อละ 39 บาท เฉพาะรสต็อกบกกีเผ็ดและรสชีสต็อกบกกี และรสกิมจิ, รสไก่เกาหลี และรสไก่รมควันสไตล์เกาหลีจะวางจำหน่ายเฉพาะที่ Lotus’s ในราคา 39 บาท สำหรับซองและราคา 139 บาท สำหรับแบบแพ็ก 4 ซอง
รวมไปถึงการร่วมมือกับ “Wootteo (อูตอ)” คาแรกเตอร์สุดน่ารักที่ได้รับการออกแบบโดยศิลปิน K-POP คนดังระดับโลกผ่านดีไซน์แพกเกจจิงที่จะวางจำหน่ายที่ประเทศไทยเท่านั้น
ศึกษาเรียนรู้ตลาดไทยก่อนเดินเกมรุกจริงจัง
เนื่องจาก bibigo เป็นการบุกตลาดไทยครั้งแรกทำให้ยังต้องเรียนรู้ตลาดประเทศไทย ซึ่งหนึ่งในจุดเด่นของ bibigo คือการนำรสชาติเกาหลีแท้ที่รสชาติไม่ได้เผ็ดจัดจ้านเข้าสู่ตลาด ซึ่งหากลองดูในตลาดจะพบว่า ส่วนใหญ่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสไตล์เกาหลีจะเน้นความเผ็ดเป็นหลัก
และเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคคนไทยได้ง่ายขึ้น ทำให้ bibigo เจาะช่องทางร้านสะดวกซื้อเป็นหลัก รวมถึงห้างค้าปลีกที่คนไทยนิยมเลือกช้อปปิ้ง ขณะที่การใช้สื่อเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคจะเน้นการสื่อสารในช่วงเวลากลางคืนที่สอดรับกับแคมเปญและเข้ากับพฤติกรรมคนไทยที่ชอบกินตอนดึก รวมไปถึงการวางแผนจัดอีเว้นท์ก็จะเน้นการจัดช่วงเวลากลางคืนเพื่อให้เข้ากับรูปแบบของตัวผลิตภัณฑ์
นอกจากนี้ยังมีแผนการสื่อสารผ่าน Influencer และศิลปินจากเกาหลีเพื่อเจากลุ่มเป่าหมาย K-Culture ซึ่งกลยุทธ์การทำตลาดจะเน้นการทดลองตลาดเพื่อดูว่า เหมาะสมกับตลาดและผู้บริโภคคนไทยหรือไม่ ขณะที่กลยุทธ์ด้านราคาจะมีการตั้งราคาที่ถูกกว่าบะหมี่เกาหลีแบรนด์อื่นๆ เล็กน้อย เพื่อให้เข้าถึงคนไทยได้ง่ายขึ้น โดยยึดความต้องการของผูบริโภคเป็นหลัก
เรียกว่าเป็นความท้าทายของแบรนด์ bibigo ที่เข้าสู่สนามแข่งขันบะหมี่เกาหลีที่กำลังเติบโตและได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น และดูเหมือนกลยุทธ์ที่วางไว้จะสร้างความแปลกใหม่ให้กับตลาดด้วยรสชาติที่ไม่ใช่รสชาติเผ็ดแบบ X2 X3 แต่จะเป็นรสชาติเกาหลีที่หาทานได้จากร้านอาหารสไตล์เกาหลี พร้อมด้วยราคาที่ช่วยให้ตัดสินใจหยิบและจ่ายเงินซื้อได้ง่ายขึ้น