รูปแบบการใช้ชีวิตในปัจจุบันยุคดิจิทัล มักจะรวดเร็วเป้นหลักเสมอ ตามรูปแบบการใช้งานดิจิทัล ไม่เว้นแม้แต่เรื่องอาหารการกินที่ต้องรวดเร็ว นั่นจึงทำให้อาหารกลุ่มพร้อมทานได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ยังมีกลุ่มที่เห็นเรื่องคุณภาพของอาหารเป็นเรื่องสำคัญ นั่นจึงทำให้ผู้ผลิตอาหารจึงต้องปรับตัวเพื่อรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป หนึ่งในนั้นคือผู้ผลิตอาหารหลากหลายประเภทอย่างBetagro
นายสมศักดิ์ บุญลาภ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหาร สายงานปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจอาหาร เครือเบทาโกรชี้ให้เห็นการลงทุนของ Betagro ในงาน ThaiFEX 2018 โดยปีนี้ Betagro จะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มตลาดอาหารสดระดับพรีเมี่ยมภายใต้แบรนด์ S-Pure ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดถึง 90% โดยแผนการจำหน่าย S-Pure จะแบ่งเป็นตลาดในประเทศที่เน้นขยายช่องทางจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมพื้นที่ ทั้งในเขตเมืองใหญ่ เมืองท่องเที่ยว ผ่านร้านค้าปลีกชั้นนำอย่าง Gourmet Market, Home Fresh Mart, Central Food Hall, Tops Market และ Villa Market เป็นต้น
ขณะที่ตลาดส่งออกมีแผนเตรียมขยายตลาดไปในประเทศบาห์เรน กาตาร์ สเปน และโรมาเนีย โดยปีนี้ตั้งเป้าส่งออกเนื้อไก่อยู่ที่ 78,000 ตัน, เนื้อหมู 5,800 ตัน เพิ่มขึ้นถึง 17% จากปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ภาพรวมตลาดอาหารแปรรูปและอาหารพร้อมทานในไทยมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะไตรมาสแรกปีนี้เติบโตแล้วกว่า 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
พร้อมกันนี้ยังได้ใช้งบลงทุนกว่า 750 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่หรือ Betagro Central Kitchen ในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร บนพื้นที่กว่า 11,015 ตารางเมตร เมื่อรวมโรงงานผลิตทั้งหมดจะทำให้ Betagro มีกำลังการผลิตรวม 8,000 ตันต่อปี ในส่วนของโรงงานผลิตแห่งใหม่หรือ Betagro Central Kitchen ได้มีการสร้างศูนย์นวัตกรรมอาหาร (FIC) เพื่อรองรับเทรนด์อาหารในอนาคต และยังเป็นศูนย์ R&D ด้านโภชนาการ มากกว่า 1,000 รายการ จะมีสายการผลิตถึง6 หมวด ทั้งหมวดอาหารทานเล่นและสินค้าทอดประเภทหมู ไก่ (Appetizer), หมวดไข่ปรุงสุก (Processed Egg), หมวดข้าวกล่องพร้อมรับประทาน (Ready Meal), หมวดกับข้าวสำเร็จรูป (Cuisine), หมวดเบเกอรี่ (Bakery) และหมวดเครื่องปรุงสำเร็จรูป(Seasoning)
โดย Betagro จะเน้นไปที่หมวดอาหารพร้อมทาน (Ready to Eat) ซึ่งจากการสำรวจพบว่า ผู้บริโภคทานอาหารนอกบ้านกว่าครึ่งนึงของมื้ออาหารทั้งหมดต่อเดือนเฉลี่ย 56 ครั้งต่อเดือน และเข้าร้านสะดวกซื้อเพื่อทานอาหารรองท้องจำนวน 21 ครั้งต่อเดือน แม้ว่าผู้บริโภคจะเน้นเรื่องความง่าย สะดวกสบาย แต่ก็ยังมีผุ้บริโภคจำนวนมากที่ยังต้องการใส่ใจสุขภาพ เน้นคุณภาพอาหารและรสชาติคาดว่าจะเพิ่มยอดขายให้บริษัทฯ ถึง 650 ล้านบาท
สำหรับงาน THAIFEX: World of Food Asia 2018 ซึ่งจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 29 พ.ค. – 2 มิ.ย.นี้ เครือเบทาโกรร่วมแสดงสินค้าภายใต้แนวคิด “Uncompromising Quality ไม่ดีจริง…ไม่ถึงมือคุณ” ชูไฮไลท์ Antibiotics – Free Zone ตอกย้ำคุณภาพของสินค้า S-Pure คุณภาพระดับพรีเมี่ยม และโซน Betagro Central Kitchen เพื่อโชว์ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป อาหารพร้อมทาน ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ หลากหลายรายการ ชม Cooking Show โดย Master Chef จาก Thailand Culinary Academy และจำหน่ายสินค้าราคาพิเศษ ณ บูธเบทาโกร ฮอลล์ 7 อิมแพ็ค เมืองทองธานี