หากได้ติดตามการใช้สื่อโฆษณาในช่วงนี้จะเห็นว่า นอกจากสื่อออนไลน์ที่ยังโตต่อเนื่องแล้ว อีกสื่อที่กลับมาเฟื่องฟูมากในช่วงที่ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้นก็คือ OOH (Out of home) ซึ่งมีหลายแบรนด์ทีเดียวที่ถ้าต้องการสร้างอิมแพคในเชิงการรับรู้แบรนด์จะเลือกใช้สื่อนอกบ้านเพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคในวงกว้างได้
อีกหนึ่งงานที่เราเห็นว่าน่าสนใจ ซึ่งตอนนี้กระจายตัวไปทั่วกรุงแล้ว ได้แก่งานของ “แอทแทค” แบรนด์ผลิตภัณฑ์ซักผ้าแถวหน้า ที่ล่าสุดประกาศรีแบรนด์ครั้งใหญ่ ปรับโฉมใหม่หมดซึ่งเหตุผลเบื้องหลังของการรีแบรนด์คืออะไร สามารถติดตามอ่านได้จากบทความก่อนหน้านี้ (คลิกอ่านต่อ) แต่สำหรับบทความนี้ เราอยากชวนมาวิเคราะห์กลยุทธ์ในการทำสื่อ OOH ของ “แอทแทค” กัน ซึ่งมีความหมายที่น่าสนใจซ่อนอยู่มากมาย
ถอดรหัส 5 ข้อการเล่นใหญ่บน Billboard ของ “แอทแทค”
#1 แอทแทคเล่นใหญ่ มุ่งให้ผู้บริโภครับรู้ความเปลี่ยนแปลงของแบรนด์
“แอทแทค” ทำการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ปรับใหม่ตั้งแต่โลโก้ ที่ออกแบบให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับคุณค่าของชีวิต (Life Value) ของผู้คนมากขึ้น รวมไปถึงการปรับแพ็กเกจที่ทันสมัยด้วย ดังนั้น การสื่อสารที่ดีที่สุดในช่วงเวลานี้คือการทำผ่านสื่อนอกบ้าน (OOH) ซึ่งปัจจุบันมีอิทธิพลต่อผู้คนในวงกว้าง เพราะผู้คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น สื่อที่อิมแพคต่อสายตาและความรู้สึก จึงหนีไม่พ้น Billboard ซึ่งนอกจากดึงดูดสายตาแล้ว การที่ใช้เทคโนโลยีแบบ 3D ความล้ำสมัยแบบนี้จะเรียกความสนใจจากคนรุ่นใหม่ได้อย่างมาก ซึ่งกลุ่มคนรุ่นใหม่เป็นกลุ่มคนที่ทางแบรนด์มีเป้าหมายจะขยายการสื่อสารไปถึง เพราะถือเป็นฐานใหญ่ของกลุ่มคนที่ใช้ชีวิตประจำวัน และมีอิทธิพลต่อความคิดของผู้คนในปัจจุบัน ดังนั้น การเลือกใช้สื่อนอกบ้านเพื่อสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ ในวาระการประกาศรีแบรนด์ครั้งใหญ่นับว่าเหมาะสมมาก
#2 ปรับสูตรน้ำยาซักผ้าใหม่
การรีแบรนด์ยังมาพร้อมกับการปรับสูตรน้ำยาซักผ้าใหม่ ที่ใช้เทคโนโลยีไมโครวอช (Microwash) ซึ่งช่วยลดขั้นตอนการซัก ไม่ต้องแช่ ไม่ต้องขยี้ “แค่กดซัก” ปุ่มเดียว ก็ยังคงได้รับผลลัพธ์ความสะอาดอันยอดเยี่ยม ไม่ทำให้คุณเสียเวลา ซึ่งการที่แบรนด์นำเทคโนโลยีต่างๆ มาพัฒนาผลิตภัณฑ์ จะทำให้คนรุ่นใหม่ชื่นชอบในความทันสมัยของแบรนด์ สะท้อนว่าแบรนด์พัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา เป็นแบรนด์ที่ไม่เคยตกยุค
มากกว่านั้นแบรนด์ยังให้ความสำคัญในเรื่องของ ESG (Environment, Social และ Governance) โดยการพัฒนาสูตรใหม่ มีการลดปริมาณการใช้สารเคมีลง และใช้เอนไซม์จากธรรมชาติที่ย่อยสลายได้ โดยมีแหล่งกำเนิดมาจากน้ำมันปาล์ม และการปรับบรรจุภัณฑ์ให้สามารถลดเปอร์เซ็นต์การใช้พลาสติกลงได้ถึง 38 ตัน ต่อปี
#3 พรีเซ็นเตอร์ชาย ตัวแทนคนรุ่นใหม่
อีกมุมที่ว้าวและน่าสนใจมากของแอทแทค ที่อาจเรียกได้ว่าช่วยเปลี่ยนความคิดของเราว่า งานบ้านคืองานของผู้หญิง แต่แอทแทคเลือกใช้พรีเซ็นเตอร์ผู้ชายที่เป็นคนรุ่นใหม่ โดยแอทแทคเลือก “หมาก ปริญ” เป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ เพื่อสื่อสารว่าการซักผ้าเป็นเรื่องง่าย โดยเฉพาะหากคุณเลือกใช้ผลิตภัณฑ์แอทแทค ใครๆ ก็ซักผ้าได้
#4 OOH กระจายทั่วกรุงและหัวเมืองใหญ่ ตอกย้ำการปฏิวัติวงการ
กับการที่แบรนด์เลือกใช้สื่อ Billboard โดยเฉพาะไฮไลท์คือที่ลานพาร์คพารากอน ซึ่งเป็นรูปแบบ 3D สอดรับกับวิถีชีวิตยุคใหม่ที่ผู้คนไปใช้ชีวิตนอกบ้าน นอกจากจะสะท้อนภาพให้แบรนด์ดูล้ำสมัยแล้ว ที่สำคัญคือ สื่อนอกบ้านในเวลานี้คือสื่อที่อิมแพคกับผู้คนในปัจจุบันมากที่สุด
มากไปกว่านั้น ในกลยุทธ์สื่อนอกบ้านยังทำการกระจายสื่อออกไปทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ และทั่วประเทศ จึงเป็นการเน้นย้ำว่า การรีแบรนด์ครั้งนี้ไม่ธรรมดาและมาเพื่อปฏิวัติวงการการซักผ้าอย่างแท้จริง
#5 ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์วิถีชีวิตคนรุ่นใหม่
ด้วยการปรับสูตรใหม่ใช้เทคโนโลยีไมโครวอช (Microwash) กับการปฏิวัติวงการซักผ้าทำให้ผ้าสะอาดอย่างรวดเร็ว แค่โยนเข้าเครื่องซักก็จบ สุดแสนจะชิลล์ ช่วยประหยัดเวลาได้มากขึ้น ตอบโจทย์วิถีชีวิตไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ที่มีชีวิตที่รีบเร่ง ไม่ค่อยชอบใช้เวลาทำงานบ้านนานๆ แต่ต้องการใช้เวลาไปทำอย่างอื่น เช่น ไปทำงานหรือออกไปใช้ชีวิตนอกบ้าน ดังนั้นจึงเป็นอะไรที่โดนใจกับคนรุ่นใหม่ที่ฉลาดเลือกสิ่งที่ดีเพื่อชีวิตที่สะดวกสบายให้กับพวกเขา แอทแทคสูตรใหม่นี้จึงเป็นคำตอบสุดท้ายให้กับการซักผ้าจริงๆ
บทสรุป
และทั้งหมดนี้นำมาสู่คำตอบว่า ทำไม “แอทแทค” ถึงเลือกประกาศความยิ่งใหญ่ของการรีแบรนด์ผ่าน OOH 3D ใจกลางเมืองกรุงเทพมหานครแห่งนี้ เพราะต้องการบอกว่า นอกจากโฉมใหม่แบบใหม่แบบสับแล้ว ยังมาพร้อมสูตรใหม่ที่มีศักยภาพ ที่จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนในยุคนี้อีกด้วย ดังนั้น ซึ่งถ้าคุณเป็นแบรนด์หนึ่งที่ต้องการสื่อสารกับผู้บริโภคแบบเล่นใหญ่ การเลือกสื่อสารผ่านสื่อนอกบ้านในตอนนี้พร้อมเทคโนโลยีล้ำๆ ก็อาจจะเป็นคำตอบที่เวิร์คสุดปังแบบแอทแทคก็ได้ ซึ่งเชื่อว่าแอทแทคน่าจะมีกิจกรรมทางการตลาดอื่นๆ ที่น่าตื่นเต้นให้เราได้ติดตามอีกอย่างแน่นอน รอติดตามต่อไป.