วิกฤต COVID-19 ยังคงเป็นที่กังวล หลังพบผู้คนกลุ่มเสี่ยงใช้ชีวิตประจำวันแบบรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือไม่ตั้งใจ ส่งผลให้เกิดความตระหนกในเรื่องสุขภาพมากขึ้น และดูเหมือนหน้ากากอนามัยจะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญของทุกคนในการใช้ชีวิตประจำวันไปซะแล้ว ทว่าบางคนก็มองเห็นโอกาสในวิกฤตจนเริ่มมีการขายหน้ากากอนามัยในราคาที่สูงเกินกว่าความเป็นจริง อันเนื่องมากจากความต้องการ (Demand) มีมากกว่าสินค้าในตลาด (Supply)
การปรับราคาขายหน้ากากอนามัยจนสูงกว่าความเป็นจริง ส่งผลกระทบอย่างมากต่อผู้บริโภค แม้จะมีมาตรการต่างๆ ออกมาแต่ก็ดูเหมือนการกักตุนเพื่อขายในราคาสูงยังคงมีอยู่ นั่นจึงทำให้ภาครัฐต้องจริงจังกับการปราบปรามการขายหน้ากากอนามัยเกินราคา โดย นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ แสดงผลการปราบปรามให้ทราบว่า
กระทรวงพาณิชย์ได้จัดส่งสายตรวจออกตรวจสอบตลาดทุกวันนับตั้งแต่วันที่ 31 มกราคมเป็นต้นมา โดยได้มีการจับกุมดำเนินคดีไปแล้วกว่า 102 ราย แบ่งเป็นพื้นที่กรุงเทพฯ 74 ราย และต่างจังหวัดอีก 28 ราย ด้วยความผิด 2 ข้อหา ทั้งความผิดตามมาตรา 28 ที่ร้านค้าไม่ปิดป้ายแสดงราคา มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท และความผิดตามมาตรา 29 และ 30 คือการค้ากำไรเกินควรและกักตุนสินค้า ซึ่งมีโทษจำคุก 7 ปี ปรับสูงสุด 1.4 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ในส่วนการจับกุมผู้ค้าออนไลน์ที่ขายหน้ากากอนามัยผ่านสื่อสังคมทั้งใน Facebook, Line และ Instagram โดยเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปัจจุบันได้ดำเนินการจับกุมไปแล้วทั้งสิ้น 14 ราย
พร้อมกันนี้ กระทรวงพาณิชย์เตรียมดำเนินการตรวจสอบและจับกุมผู้ที่จำหน่ายหน้ากากอนามัยเกินราคากว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ โดยกฎหมายกำหนดให้หน้ากากอนามัยขายในราคาชิ้นละ 2.50 บาท ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หากพบผู้กระทำความผิดจะถูกดำเนินคดีในข้อหาจำหน่ายหน้ากากอนามัยเกินราคาที่กฎหมายกำหนด
ผู้ถูกดำเนินคดีจะมีความผิดตามกฎหมายมาตรา 25 โดยมีอัตราโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี ปรับ 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากพบว่านอกจากขายแพงเกินจริงแล้ว ยังมีการกักตุนสินค้าอีกด้วยจะมีความผิดถึง 2 กระทง โดยจะได้รับโทษเพิ่มเป็นจำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากผู้พบเห็นการกระทำความผิดดังกล่าว สามารถแจ้งข้อมูลและหลักฐานมายัง “กรมการค้าภายใน” ผ่านสายด่วน 1569 หรือผ่าน Social Media ของกรมการค้าภายในเพื่อเป็นข้อมูลในการตรวจสอบและจับกุมต่อไป