
การระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ยังรุนแรงมาก จนทำให้หลายๆ บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกไม่สามารถเพิกเฉยมองข้ามได้ ล่าสุด Apple เป็นอีกหนึ่งบริษัทยักษ์เทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกา ที่กระโดดเข้ามาขอเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเหลือทีมแพทย์ในการต่อสู้กับวิกฤตนี้ ในฐานะที่เป็นเหมือนด่านแรกที่ต้องเผชิญมากที่สุด
เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 63 ‘ทิม คุก’ CEO ของ แอปเปิล ได้ทวีตข้อความเป็นคลิปวีดิโอ โดยมีเนื้อหาหลักๆ พูดถึง กระบวนการที่ต้องการช่วยเหลือทีมแพทย์ว่ามีอะไรบ้าง
โดย CEO รายนี้ได้พูดถึง ความคืบหน้าสำหรับการจัดหา ‘หน้ากากอนามัย’ เป็นเรื่องแรก โดยอัพเดทให้ฟังว่าขณะนี้มีการออกแบบหน้ากากอนามัยที่ช่วยป้องกันตามมาตรฐานทางการแพทย์ ทั้งหมด 20 ล้านชิ้น เพื่อลำเลียงไปให้บุคลากรทางการแพทย์ และซัพพลายเชนอื่นๆ ทั่วโลก
และเรื่องที่สอง ก็คือ Apple ต้องการให้ความช่วยเหลือ โดยให้ทางทีมออกแบบวิศวกรรมบรรจุภัณฑ์ และการปฏิบัติงานของบริษัท ว่าขณะนี้กำลังทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์ เพื่อออกแบบหน้ากากป้องกันใบหน้า (Face Shield)
Apple is dedicated to supporting the worldwide response to COVID-19. We’ve now sourced over 20M masks through our supply chain. Our design, engineering, operations and packaging teams are also working with suppliers to design, produce and ship face shields for medical workers. pic.twitter.com/3xRqNgMThX
— Tim Cook (@tim_cook) April 5, 2020
โดย ทิม คุก ย้ำในคลิปวิดีโอว่า ในสัปดาห์นี้บริษัทจะผลิต Face shield ได้อีก 1 ล้านชิ้น และสัปดาห์หน้าอีก 1 ล้านชิ้น โดยมาจากโรงงานผลิตในสหรัฐฯ และจีน เพื่อสามารถส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ได้อย่างทั่วถึงและเร็วที่สุด
ทั้งนี้ การจัดส่งครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลหลายแห่งใน Santa Clara รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยเขากล่าวว่า Face Shield ทั้งหมดที่จัดส่งแล้ว เน้นที่ความสะดวกในการใช้งานมากที่สุด และต้องผลิตได้จำนวนมากเต็มกำลังสูบ โดยการจัดส่งจะเป็นแบบแยกชิ้นบรรจุกล่อง 100 ชิ้น ซึ่งใช้เวลาประกอบเองไม่ถึง 2 นาที
ทิม คุก ยังกล่าวทิ้งท้ายอีกด้วยว่า “เราทุกคนสามารถช่วยกันหยุด COVID-19 ได้ด้วยกัน ง่ายๆ ก็แค่เชื่อฟังผู้เชี่ยวชาญ อยู่แต่ในบ้าน และที่สำคัญ ต้องอย่าลืม Social distancing ด้วยครับ stay safe stay health”
ที่มา : bloomberg