แม้ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี ส่งผลกระทบกับธุรกิจหลายประเภท ทำให้หลายที่มีผลประกอบการไม่ดีเท่าที่ควร แต่ไม่ใช่กับธุรกิจ ขายตรงอย่างแอมเวย์ ที่ล่าสุด นายกิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดเผยว่ายอดขายปีนี้ยังเติมทะลุ 20,000 ล้าน โตขึ้นประมาณ 6-7% จากระยะเวลาเดียวกันกับปีที่แล้ว
โดยใช้กลยุทธ์ดึงคนรุ่นใหม่มาเป็นนักธุรกิจและผู้บริโภค พร้อมชูผลิตภัณฑ์ดีมีคุณภาพที่จะ ช่วยแก้ปัญหา ทั้งยังสามารถเลือกให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล และได้ปรับโครงสร้างด้วยโปรแกรมคอร์พลัส ทำให้ได้ผลตอบแทนรายได้ในเวลาที่รวดเร็วและสม่ำเสมอ ทั้งนี้ยังเตรียมเดินหน้าเข้าสู่แพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างเต็มตัว
เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่เน้นสินค้าแก้ไขปัญหาสำหรับแต่ละคน
แอมเวย์เผยทิศทางต่อไป เล็งเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่หรือกลุ่ม Young@heart พร้อมเปิดรับนักธุรกิจและผู้บริโภค โดยปรับเปลี่ยนให้เข้ากับคนรุ่นใหม่ที่ เนื่องจากในปัจจุบัน 1 ใน 3 ของคนที่เข้าร่วมธุรกิจแอมเวย์เป็นคนรุ่นใหม่ ทั้งในด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และการมอบโอกาสทางธุรกิจ พิสูจน์ความสำเร็จด้วยการเป็นผู้นำตลาดสุขภาพและความงามอย่างต่อเนื่อง
นางรัตนา ชาญนรา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เล่าเสริมว่า ล่าสุดก็ได้แบรนด์แอมบาสเดอร์ใหม่ของแบรนด์ Nutrilite คือ “ป๊อก-ภัสสรกรณ์ และมาร์กี้-ราศรี บาเล็นซิเอก้า จิราธิวัฒน์” ชาแนลชื่อดังใน Youtube ชื่อดังที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้ มาแนะนำทำความรู้จักแอมเวย์ให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งได้รับการตอบรับจากคนรุ่นใหม่เป็นอย่างดี
ทั้งยังคงเน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดีจากผลิตภัณฑ์ ด้วยการแก้ปัญหา (Product Solution) และ ที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะบุลคลมากขึ้น Personalized Product) โดยยึดจากหลัก Consumer Centric คือการยึดความต้องการจากลูกค้าเป็นหลักพร้อมกับพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อให้ลูกค้ามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุดของแอมเวย์คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพ เช่น ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนิวทริไลท์,กลุ่มเครื่องใช้ภายในบ้าน (Atmosphere Sky) เช่น เครื่องกรอกอากาศจะเห็นได้ชัดในช่วงที่มีวิกฤต pm 2.5
ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มความสวยงาม ที่ต่อยอดหยิบเอาเทรนเพอร์เซอร์นัลไลซ์มาใช้ ออกมาเป็น ” (Artistry Signature Select Mask) มาส์กดูแลผิวที่สามารถผสมสูตรตามปัญหาของตัวเองได้
ปรับโครงสร้างรายได้ด้วยโปรแกรม Core Plus+
แอมเวย์ได้ปรับโครงสร้างรายได้ของนักธุรกิจทุกระดับ ด้วยโปรแกรม “คอร์พลัส” (CORE PLUS+) เพื่อเพิ่มรายได้ในช่วงเริ่มต้น ทำให้ได้ผลตอบแทนตั้งแต่เริ่มจำหน่ายสินค้าตัวแรก รวมถึงเพิ่มรายได้ที่ต่อเนื่องและสม่ำเสมอในช่วงลำดับการเติบโตของธุรกิจ โปรแกรมนี้จะทำให้นักธุรกิจแอมเวย์ที่ทำธุรกิจอย่างต่อเนื่องและจริงจังมีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 20 – 30% ซึ่งได้รับสัญญาณบวกหลังจากที่เริ่มใช้โปรแกรมคอร์พลัสเพียง 2 เดือน (เดือนกันยายนถึงตุลาคม) มียอดการสมัครเป็นนักธุรกิจแอมเวย์และสมาชิกใหม่เติบโตเฉลี่ย 30% แสดงให้เห็นถึงผลสำเร็จของโปรแกรม ทั้งยังมีเงินโบนัสตอบแทนปลายปีให้อีกหนึ่งก้อนหนึ่งอีกด้วย
การทรานส์ฟอร์มครั้งยิ่งใหญ่จาก Door To Door พร้อมทรานเฟอร์สู่ยุค Digital
แอมเวย์จะทรานส์ฟอร์มครั้งยิ่งใหญ่ โดยนำระบบ “Door to Door” แบบดั้งเดิม มาบูรณาการโครงสร้างให้เข้ากับระบบดิจิทัล โดยในอีก 4 ปีข้างหน้า แอมเวย์จะเริ่มปรับเปลี่ยนมาใช้ “Social Selling” เป็นอีกหนึ่งสื่อดิจิทัลในการทำธุรกิจ
ถึงแม้จะทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล แต่ Business Model ของแอมเวย์ยังคงเป็น “MLM” (Multi Level Marketing) โดยที่นักธุรกิจแอมเวย์ยังคงมีบทบาทในการสร้างความสัมพันธ์กับสมาชิก และลูกค้า เพียงแต่เปลี่ยนวิธีการทำงานให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ ด้วยการให้สมาชิกสามารถใช้เครื่องมือโซเชียลแพลตฟอร์มเข้ามาช่วย
“ในอดีตเราไม่อนุญาตให้นักธุรกิจแอมเวย์ โพสต์ขายสินค้าบนออนไลน์ แต่จากนี้ไปเราปลดล็อคให้นักธุรกิจแอมเวย์สามารถใช้โซเชียลในการทำธุรกิจได้
ขณะนี้แอมเวย์กำลังสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ของตัวเองให้มีประสิทธิภาพ ใช้งานง่าย สั่งของง่าย มีระบบโลจิสติกส์ รองรับ โดยตอนนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าแพลตฟอร์มดังกล่าว จะออกมาเป็นรูปแบบไหน แต่เป็นการนำเอาแพลตฟอร์มใหญ่จากจีนมาปรับใช้” – คุณกิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด
สำหรับทิศทางในปี 2563 แอมเวย์ยังคงเน้นผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงามที่สามารถแก้ปัญหาเฉพาะบุคคล พร้อมปรับภาพลักษณ์ให้เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ควบคู่ไปกับการพัฒนาเครื่องมือดิจิทัลเพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจและเติมเต็มประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้บริโภคในทุกทัชพอยต์ตลอดจนมุ่งเน้นการดำเนินกลยุทธ์หลักเพื่อสร้างการเติบโตของนักธุรกิจแอมเวย์อย่างยั่งยืน
ปัจจุบันแอมเวย์มีนักธุรกิจอยู่ 330,000 คนมีคนรุ่นใหม่เป็นอัตรา 1 ใน 3 มีรายได้ 20,000 ล้านโตขึ้น โตขึ้นประมาณ 6-7% โดยยอดขาย 15% มาจากออนไลน์ โดยตอนนี้ธุรกิจขายตรงมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 70,000 ล้านบาท หากยังโตต่อเนื่องปีละ 6-7% ตั้งเป้าทำยอด 30,000 ล้าน