Amazon รายได้เติบโตจากโฆษณาถึง 77% หรือคิดเป็นมูลค่า 6.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ปิดไตรมาสเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เป็นผลมาจากการที่ผู้บริโภคหันไปสเปนเงินใช้จ่ายทางช่องทางออนไลน์มากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากโรคระบาดที่เกิดขึ้นในช่วงสองปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ภาพรวมของ Amazon มียอดขายเพิ่มขึ้น 44% หรือคิดเป็น 108 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วงสามเดือน คือตั้งแต่มกราคม กุมภาพันธ์ และมีนาคมที่ผ่านมา
ถือได้ว่าตั้งแต่ Amazon ที่เริ่มต้นหารายได้จากโฆษณาเมื่อราว 4 ปีก่อน ตอนนี้กลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่มากขึ้นในฐานะแพลตฟอร์มโฆษณา และหากเป็นไปตามการประมาณการของ eMarketer ซึ่งคาดว่า Amazon น่าจะมีรายได้จากโฆษณามากกว่า 10% ของรายได้จากโฆษณาในสหรัฐอเมริกา
คาดกันว่า Amazon, Facebook และ Google รวมแล้วน่าจะมีรายได้ประมาณ 2 ใน 3 ของอุตสาหกรรมโฆษณาดิจิทัล
นอกจากนี้ Amazon ยังเริ่มก้าวเข้าสู่การสตรีมมิ่งกีฬา รวมถึงฟุตบอลลีกแห่งชาติสหรัฐอเมริกาด้วย โดย Amazon จ่ายไปถึง 660 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในเกมเมื่อคืนวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จาก GroupM กล่าวว่า การเคลื่อนไหวนี้จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมวิดีโอ ที่สนับสนุนโฆษณาในสหรัฐอเมริกาและตลาดทั่วโลก
“และเป็นไปได้ที่ว่า Amazon จะรุกหนักมากขึ้นในธุรกิจโฆษณา และอาจเสนอสิทธิเพิ่มเติมในประเทศอื่นๆ ทั่วโลกอย่างจริงจังมากขึ้นด้วย”
อย่างไรก็ตาม ในช่วงของการแพร่ของโรคระบาด อีกหนึ่งรายได้ที่สำคัญขาหนึ่งของ Amzonn ก็คือ Prime Video ซึ่งผลประกอบการไตรมาสแรก Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง ก็กล่าวถึง Prime Video และมองว่าจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคในช่วงของการระบาดใหญ่ของโควิด-19
สำหรับ Prime Video ตอนนี้มีอายุครบ 10 ปีแล้ว และมีสมาชิกมากกว่า 175 ล้านคน และได้สตรีมมิ่งรายการและภาพยนตร์ในปีที่ผ่านมา และชั่วโมงการสตรีมเพิ่มขึ้นมากกว่า 70% จากปีก่อน นอกจากนี้ Amazon Studios ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 12 ครั้งและชนะ 2 ครั้ง และเร็วๆ นี้ยังผลงานออริจินัลให้ได้ชมอีก อาทิ Tom Clancy’s Without Remorse, The Tomorrow War, The Underground Railroad และอื่นๆ อีกมากมาย