จับตาก้าวสำคัญ ‘อมาโด้’ การสร้าง Big Move ปักธงผู้นำตลาดโฮมช้อปปิ้ง ปูทางเบอร์ 1 ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใน 3 ปี

  • 5.2K
  •  
  •  
  •  
  •  

ประกาศดิสรัปชั่นวงการผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตั้งแต่ต้นปี สำหรับ ‘อมาโด้ กรุ๊ป’ กับการเปิดตัวธุรกิจใหม่ ‘Amado Shopping’ เพื่อบุกตลาดทีวีโฮมช้อปปิ้ง ซึ่งความน่าสนใจไม่เพียงเป็นธุรกิจที่กระแสกำลังมาแรง แต่สร้างจุดแข็งที่แตกต่าง ด้วยการใช้ Data Driven Marketing มาวางกลยุทธ์ในการเข้าถึงลูกค้าและเพิ่มยอดขาย ที่สำคัญคิด GP เพียง 25% ต่ำกว่าภาพรวมของตลาดที่คิดอยู่ 40-65%

อย่างที่ทราบกันดีว่า ทีวีโฮมช้อปปิ้งเป็นตลาดที่น่าสนใจ สะท้อนจากการแข่งขันของทั้งรายเก่าและการเข้ามาของรายใหม่ โดยปัจจุบันตลาดนี้มีมูลค่าอยู่ราว 18,000 ล้านบาท

“เราโฟกัสช่องทางทีวีโฮมช้อปปิ้งมาหลายปีแล้ว เพราะข้อดีนอกจากเข้าถึงลูกค้าและสร้างยอดขายได้โดยตรงแล้ว เรายังสื่อสารและเก็บดาต้าจากลูกค้าได้ว่า เป็นใคร สนใจโปรดักท์ตัวไหนและเพราะอะไร ทำให้เรานำข้อมูลที่ได้ไปพัฒนาทั้งโปรดักท์และกลยุทธ์ได้ดียิ่งขึ้น เราถึงเปิดตัว Amado Shopping ในคอนเซปต์ สุขทุกการสั่งซื้อ และอยู่ในกลยุทธ์สร้างช่องทางขายที่หลากหลายตอบสนองแบบ Real-Time Strategic Platform ธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด กล่าวพร้อมขยายความว่า

ที่ผ่านมาอมาโด้ สามารถสร้างยอดขายจากตลาดทีวีโฮมช้อปปิ้งอยู่ที่ 5% ของตลาดรวม ติดใน Top 10 ของผู้เล่นรายใหญ่ และการบุกครั้งนี้จะทำให้ก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในตลาดทีวีโฮมช้อปปิ้ง ภายใน 3 ปี รวมไปถึงเป็นหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในการสร้างยอดขาย 3,000 ล้านบาทในปี 2564 ควบคู่กับอีก 2 กลยุทธ์ ได้แก่

การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจผู้บริโภค และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ สำหรับปูทางขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในอีก 3 ปี

 

‘Amado Shopping’ การดิสรัปธุรกิจทีวีโฮมช้อปปิ้ง

 

สำหรับจุดเด่นของ Amado Shopping ที่น่าสนใจและต่างจากผู้เล่นรายอื่น ก็คือ เป็นการนำจุดแข็งด้านความสามารถคัดสรรช่วงเวลาที่ดีและมีประสิทธิภาพมากที่สุดของสถานีโทรทัศน์ชั้นนำในประเทศรวมมากกว่า 3,000 ออนแอร์แบบ Tie-in มาผนวกเข้ากับ Data Driven Marketing ที่ทางอมาโด้ได้ดำเนินการเก็บมากว่า 3 ปี ทำให้เข้าใจพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย ช่วยให้สามารถนำเสนอสินค้าและจัดโปรโมชั่นได้แบบเจาะลึกตรงกลุ่มเป้าหมาย สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า, สามารถตรวจสอบยอดขาย และคำนวณ ROI ได้แบบ Real-Time

ที่สำคัญ มีการเก็บค่า GP อยู่ที่ 25% ซึ่งต่ำกว่าตลาดในภาพรวมที่ส่วนใหญ่จะเก็บอยู่ประมาณ 40-65% เมื่อรวมกับความพร้อมในเรื่องมีทีมเทเลเซลล์รับสายพร้อมปิดการขาย 200 คน, มีบริการส่ง สินค้ารวดเร็วมีประสิทธิภาพภายใต้การบริการของอมาโด้เอง สามารถส่งของได้ภายใน 48 ชั่วโมง, มีคลังสินค้าจัดเก็บสินค้าขนาดใหญ่ที่ในอนาคตจะขยายพื้นที่เป็น 6 ไร่ จาก 3 ไร่ครึ่ง ทำให้มีความสามารถในการจัดเก็บและบริหารสต๊อกสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ

ทาง ธนาตรัยฉัตร เชื่อว่า ด้วยจุดแข็งทั้งหมดธุรกิจใหม่อย่าง Amado Shopping จะมาดิสรัปวงการผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ตลอดจนสร้างรายได้ให้กับอมาโด้ในปีนี้ 1,000 ล้านบาท และตั้งเป้าไว้ว่า ใน 3 ปี จะก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของตลาดทีวีโฮมช้อปปิ้งของไทย

“เราจะทำหน้าที่ดูแลการทำ Telesales Marketing ให้ทั้งหมด สินค้าที่จะเข้ามาใช้บริการกับเราต้องมีศักยภาพ แบรนด์น่าเชื่อถือ บริษัทถูกกฎหมาย และมี identity นอกจาก Amado Shopping แล้ว เราเองก็มองหาช่องทางขายที่ทรงประสิทธิภาพสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างมีศักยภาพ เช่น มีแผนเพิ่มร้านอมาโด้ใหม่อีก 56 สาขา เป็น 100 สาขา เพิ่มตัวแทนขายอีก 25 ราย รวมกับตัวแทนปัจจุบันเป็น 50 ราย”

รีแบรนด์-เดินหน้าพัฒนาโปรดักท์ อีก 2 กลยุทธ์สำคัญเร่งโต

 

การก้าวสู่ความสำเร็จของอมาโด้ นอกจากการแตกไลน์ธุรกิจสู่โฮมช้อปปิ้ง ในชื่อ Amado Shopping แล้ว ยังมาจากอีก 2 กลยุทธ์หลักที่ทางธนาตรัยฉัตร บอกว่า มีความสำคัญไม่แพ้กัน ได้แก่

กลยุทธ์การนำแบรนด์อมาโด้ก้าวสู่แบรนด์อันดับหนึ่งในใจผู้บริโภค ด้วยการประกาศรีแบรนด์ เปลี่ยนโลโก้ใหม่ โดยมีการนำ “โล่ห์” เข้ามาดีไซน์เป็นส่วนหนึ่งของโลโก้ พร้อมกำหนด Brand Promise ใหม่ นั่นคือ “We Live For Your Health” สร้างความจดจำให้ผู้บริโภคว่า อมาโด้ คือ ผู้ผลิตวิตามินอาหารเสริมที่มีคุณภาพได้มาตรฐานเป็นเกราะกำบังในการสร้างสุขภาพที่ดีให้กับคนทั้งในและต่างประเทศ

ถัดมา กลยุทธ์ด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เน้นเรื่องคุณภาพมีมาตรฐาน รวมถึงตอบความต้องการของตลาดและผู้บริโภคที่มีแผนจะเปิดผลิตภัณฑ์ใหม่ทุกไตรมาส ซึ่งจุดแข็งและเป็นข้อได้เปรียบของอมาโด้ ก็คือ การมีทีม Research & Development ที่มีความชำนาญการในการพัฒนาโปรดักท์เป็นของตัวเอง มีความน่าเชื่อถือ

ยกตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์กลุ่มโปรไบโอติก เกรดพรีเมี่ยม ที่จะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้และจะเป็นพระเอกตัวต่อไปของอมาโด้ โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นการจับมือกับ ‘ยินตัน’ บริษัทชั้นนำจากญี่ปุ่น คาดว่า จะสร้างยอดขายในปีนี้ให้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท

 

ย้อนความสำเร็จ ปี 63 และเป้าหมายรายได้ 3,000 ล้านบาทในปี 64

ด้าน พร้อมวิชญ์ กรณ์อัศวกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด ได้กล่าวถึงความสำเร็จในปี 2563 ที่ผ่านมาว่า อมาโด้สามารถสร้างยอดขายได้ 2,298 ล้านบาท เติบโต 231.14% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ที่มีรายได้ 694 ล้านบาท โดยอัตราการเติบโตดังกล่าวคิดเป็น 10% ของตลาดวิตามินและอาหารเสริมที่มีมูลค่า 22,621 ล้านบาท สูงกว่าการเติบโตของตลาดในภาพรวมเฉลี่ยอยู่ที่ 8.5%

หากแบ่งตามช่องทางขายแล้ว พบว่า รายได้ปีที่ผ่านมาของอมาโด้มาจากตัวแทน 49%, เทเลเซลล์ 29%, ออนไลน์ 16.8%, ร้านค้าอมาโด้ 3% และโมเดิร์นเทรด 2.2% รายได้มาจากลูกค้ากลุ่มผู้หญิงกว่า 87% อีก 13% มาจากกลุ่มผู้ชาย และกลุ่มลูกค้าหลักอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงกว่า 51% สะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มลูกค้าของอมาโด้เป็นกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูงพร้อมเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อเป็นตัวช่วยดูแลสุขภาพและความงาม

สำหรับเป้าหมายรายได้ปี 2564 ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ประมาณ 3,000 ล้านบาท และส่งผลให้อมาโด้ขึ้นมาอยู่ใน Top 5 ของตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ขณะที่ไตรมาส 3 ของปีนี้จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI ส่วนเป้าหมายต่อไปก็คือ การก้าวขึ้นสู่เบอร์ 1 ของตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ในอีก 3 ปีข้างหน้า


  • 5.2K
  •  
  •  
  •  
  •