หากเราพูดถึงแบรนด์ Amado เชื่อว่ามีหลายคนที่จะนึกถึงผลิตภัณฑ์คอลลาเจน หรือว่าภาพจำเจ้าของแบรนด์อย่าง คุณเชน ธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ CEO หนุ่มไฟแรงที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันอย่างดี แต่รู้หรือไม่ว่าอาณาจักร Amado มีโปรดักส์ และโมเดลธุรกิจอื่นที่น่าสนใจมาก ซึ่งอาจจะมีทั้งคนที่รู้อยู่แล้วหรือคนที่ยังไม่รู้ ดังนั้น เราอยากจะมาย้อนเส้นทางธุรกิจของ Amado แบบเร็วๆ เข้าใจง่ายให้อ่านกัน
จุดเริ่มต้นจากไซส์ start up สู่อาณาจักร Amado
ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2557 ที่ Amado ได้เข้าสู่ตลาดประเทศไทยด้วยการเปิดตัว ‘ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร’ ในหมวดสุขภาพและความงาม โดยชูความโดดเด่นที่นวัตกรรมคุณภาพสูงแต่ราคาเข้าถึงง่าย จน Amado สามารถขึ้นแท่นเป็น Superbrands Thailand 2021 หรือ สุดยอดแบรนด์แห่งปี 2564 ในหมวดผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จากผลสำรวจกลุ่มตัวอย่างร่วม 15,000 คนทั่วประเทศ เปรียบเสมือนรางวัลออสการ์ด้านการสร้างแบรนด์ที่การันตีให้แก่องค์กรที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมภาพจำของแบรนด์ Amado ก็คือ ธุรกิจคอลลาเจนของคนส่วนใหญ่
ความโดดเด่นของโมเดลธุรกิจ Amado ที่อยากพูดถึงก็คือ รูปแบบการกระตุ้นการเติบโตทางธุรกิจด้วยแนวคิดที่น่าสนใจ เป็น key success อย่างหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็วเป็นหลักพันล้าน โดยมีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในทุกๆ ขั้นตอนตั้งแต่ตัวผลิตภัณฑ์ที่มีการทำ R&D คิดค้นสูตรใหม่ๆ และผลิตภัณฑ์ต้องได้รับความพึงพอใจจากผู้ทดลองใช้เกิน 90% จึงจะปล่อยออกสู่ตลาดได้ ทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพมากขึ้นและครอบคลุมทุก pain point ของลูกค้า ไปจนถึง การวิเคราะห์เพื่อทำความเข้าใจผู้บริโภค ไม่ว่าจะในแง่ของช่องทางการจัดจำหน่าย (Distribution Channel) และกลยุทธ์ Data-Driven ที่ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูลเป็นหลัก ทั้งการบริหารองค์กร การวางกลยุทธ์ และการทำมาร์เก็ตติ้ง โดยทั้ง 3 core value ถือว่าเป็น ecosystem ที่สำคัญของการเติบโตของแบรนด์ Amado
อีกทั้ง Amado ยังให้ความสำคัญกับระบบโลจิสติกส์ ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งใน ecosystem ที่ต้องใส่ใจเพราะหากว่าต้นทุนการขนส่งกระทบต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค ทำให้คอนเซ็ปต์ราคาเข้าถึงง่ายมันยากขึ้นก็คงเป็นอุปสรรคอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจ โซลูชั่นก็คือ สร้างระบบขนส่งเป็นของ Amado ขึ้นมา และค้นพาพาร์ทเนอร์ขนส่งอย่าง DHL ที่มีประสิทธิภาพมาก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ Amado ได้ disrupt ปัจจัยต่างๆ ที่เสี่ยงจะกระทบต่อธุรกิจไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือใหญ่
ทั้งนี้ สำหรับที่มาของคำว่า ‘อาณาจักร Amado’ ที่พูดแบบนี้ได้เพราะว่า Amado ไม่ได้มีแค่ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม หรือคอลลาเจนอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่ยังมีโปรดักส์อื่นๆ เช่น ผลิตภัณฑ์คอลลาเจนที่มีสูตรพัฒนามากมายเพื่อผู้บริโภคแบบตรงจุด อย่างเช่น คอลลิจิ คอลลาเจน ที่ช่วยในเรื่องการบำรุงกระดูกไขข้อ นวัตกรรมจากญี่ปุ่น, ซิลเวอร์ คอลลาเจน ไทพ์ทู พลัส แคลเซียม ช่วยในเรื่องของกระดูก ผม และฟันที่แข็งแรง, เอช คอลลาเจน ที่เน้นบำรุงผิวที่ดีที่สุดนวัตกรรมจากเกาหลี
นอกจากนี้ยังมี อมาโด้ อิมมู ที่สกัดจากพลูคาวเสริมภูมิคุ้มกัน, โปรไบโอติก อมาโด้ ยินตัน บิฟิน่า อีเอ็กซ์ ที่ช่วยเรื่องปรับสมดุลลำไส้ให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น, อมาโด้ เซริจิ ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ขาวกระจ่าง, อมาโด้ กาเน่ ซี เป็นกลูต้าเม็ดฟู่ผสมน้ำ ฯลฯ
ในวงการวิตามินซี สำหรับ Amado ก็มีให้เลือกเช่นเดียวกัน ก็คือ วิตามินอมาโด้ เบญ-ซี วิตามินซีชนิดเม็ดฟู่ละลายน้ำ เพื่อรองรับกลุ่มรักสุขภาพที่มากขึ้นตั้งแต่ที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19
รวมไปถึงเมื่อเร็วๆ นี้ที่เพิ่งเปิดตัวธุรกิจผลิตภัณฑ์สมุนไพรแบรนด์ ‘อมาไพร’ เพื่อเจาะตลาดน้ำมันเมล็ดกัญชง พลัส ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไทยจากกัญชงตัวแรกที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย และตัวล่าสุดคือ อมาไพร แจ๋ง ที่จะช่วยเพิ่มความฟิตสำหรับกลุ่มผู้ชาย และยังจะมีกลุ่มอาหารเสริมที่ใช้สารสกัด CBD ออกสู่ตลาดเร็วๆ นี้เช่นกัน
และไม่ใช่แค่กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ Amado เชี่ยวชาญ เพราะยังมีกลุ่มสินค้า ‘เอนเนอจี้ดริ้งค์ – อมาโด้ จี ดริ้งค์’ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไลน์ธุรกิจของ Amado เพื่อเจาะตลาดเป้าหมายใหม่โดยเป็นรายแรกที่มีสินค้าเอนเนอจี้ดริงค์เม็ดฟู่ในไทย โดย Amado ต้องการสร้างดีมานด์ในตลาดเกมเมอร์, นักสร้างคอนเทนต์, ครีเอเตอร์ ในตลาด E-sports
ไม่จำเป็นต้องขายเฉพาะสินค้า Amado แต่โฟกัสที่ความต้องการลูกค้า
อีกหนึ่งโมเดลธุรกิจและ vision ของ Amado ที่อยากพูดถึงก็คือ ไม่จำเป็นต้องขายเฉพาะสินค้าที่เป็นของ Amado เท่านั้น แต่ดูที่ดีมานด์ของลูกค้าและความสะดวกสบายผ่านโมเดลใหม่ที่ชื่อว่า Amado Shopping
สำหรับ Amado Shopping จะว่าใหม่ก็ไม่เชิงเพราะเปิดตัวมาแล้วกว่า 1 ปี โดยเป็น TV Shopping ที่ยึดสโลแกนว่า “สุขทุกการสั่งซื้อ” โมเดลนี้ถือว่าเป็นมูฟเมนต์ใหญ่ของ Amadoเช่นกันเพราะมุ่ง disrupt โฮมช้อปปิ้งอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งโฮมช้อปปิ้งถือว่าเป็น red oceanของกลุ่มนักธุรกิจที่มีมูลค่าตลาดค่อนข้างน่าสนใจ
จุดที่น่าสนใจของโมเดล Amado TV Shopping ใช้กลยุทธ์ customer-centric ดูที่ความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก และดูจากกระแสหลักว่าผู้บริโภคนิยมช้อปปิ้งผ่านรายการทีวีสนใจที่จะซื้อสินค้าอะไรบ้าง ซึ่ง Amado ได้จับมือกับพาร์ทเนอร์จำนวนมากเพื่อซัพพอทโมเดลธุรกิจนี้ เช่น SnailWhite, แลคตาซอย, เด็กสมบูรณ์, น้ำดื่มสิงห์, เพอร์ร่า วิตามิน วอเตอร์, ทิปโก้, ซีเล็คทูน่า ฯลฯ
โดยจะเห็นว่าพาร์ทเนอร์ของ Amado ล้วนเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าเพื่อความงามที่จำเป็นและซื้อได้ง่ายผ่าน TV shopping ซึ่งการตอบสนองที่เร็วและสะดวกของ Amadoพัฒนาแนวคิดมาจากการใช้กลยุทธ์ Real-Time Strategic Platform คือ สร้างช่องทางขายที่หลากหลายและเพิ่มประสิทธิภาพที่ตอบสนองอย่างทันทีทันใด
จุดเด่นของ Amado TV Shopping ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ Amado สามารถคัดสรรช่วงเวลาที่ดีและมีประสิทธิภาพมากที่สุดของสถานีโทรทัศน์ชั้นนำในประเทศ รวมกันมากกว่า 3,000 ออนแอร์แบบ Tie-in และนำมาใช้กับ Data-Driven Marketing ซึ่ง Amado ทุ่มเทเวลาเก็บข้อมูลมากว่า 3 ปี เพื่อให้เข้าใจพฤติกรรม main target มากขึ้น นอกจากนี้ dataเหล่านั้นยังจะช่วยนำเสนอสินค้า หรือโปรโมชั่นที่ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้เพื่อเพิ่มโอกาสในการปิดยอดขายมากขึ้นด้วย อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบยอดขาย และคำนวณ ROI ได้แบบ real time
สิ่งที่ Amado ทำไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ การแตกไลน์ธุรกิจสินค้าบริการใหม่ๆ ทำให้เห็นว่า Amado เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างธุรกิจที่มีระบบองค์กรที่ลีนมาก รวดเร็ว คิดไว ทำจริง และครอบคลุม คือเข้าใจผู้บริโภคและจับดีมานด์ได้เร็ว ใส่ใจทั้งตัวโปรดักส์จนไปถึงรูปแบบการบริหารธุรกิจ โดยเฉพาะ Risk Management ในทุกๆ การลงทุนที่อยู่ในระยะปลอดภัยและเป็นมิตรต่อการเติบโตทางธุรกิจ
มีตัวอย่างแนวคิดมากมายที่ให้เราคอยสังเกตจาก Amado ซึ่งลองเข้าไปดูในเฟซบุ๊กเพจของ Amado ได้ที่ www.facebook.com/amadoheadoffice หรือสนใจรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าของ Amado ทั้งหมด สามารถแอดไปที่ LINE @orderamado หรือคลิกลิงค์ https://lin.ee/1EKJqZp
เห็นตัวอย่างจาก Amado ทำให้นึกถึงเหล่าธุรกิจ SMEs ในไทยที่มากถึง 98% ว่าการประสบความสำเร็จทางธุรกิจบางทีไม่ได้ขึ้นอยู่กับเม็ดเงินลงทุนตั้งแต่แรก แต่อยู่ที่วิธีคิด, การบริหารความเสี่ยง, ความกล้าที่จะลงมือทำเร็วกว่าคู่แข่ง อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่สุดคือ ผลิตภัณฑ์ของเราต้องมั่นใจว่ามีคุณภาพ ราคาสู้ในตลาดได้ และมีความหลากหลายเพียงพอที่จะตอบโจทย์ผู้บริโภคจริงๆ
