แนวคิดการพัฒนาองค์รวมของแบรนด์ “อลิอันซ์ อยุธยา” (Allianz Ayudhya) ครอบคลุมตั้งแต่สินค้าและบริการ รวมไปถึงกลยุทธ์การตลาดและการสื่อสารที่จะชนะใจผู้บริโภคยุคนี้ เปลี่ยนผ่านจากยุค “Customer Centric” สู่ “Human Centric” นั่นคือ การมองผู้บริโภคในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง มากกว่าการเป็นลูกค้า เพื่อทำความเข้าใจ Insights และ Pain Point ของผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง แล้วหา Solution เข้าไปช่วยแก้ปัญหาเหล่านั้นได้อย่างไร
ยิ่งโลกทุกวันนี้ผู้คนต้องเผชิญกับสถานการณ์มากมาย ทั้งวิกฤตจาก COVID-19 ยังไม่ฟื้นกลับมา 100% ซ้ำต้องเจอกับภาวะเศรษฐกิจซบเซาจากปัญหาเงินเฟ้อสูงขึ้นไปทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยเช่นกันที่อัตราเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคมนี้ เพิ่มสูงขึ้นถึง 7.1% ถือว่าสูงสุดในรอบ 13 ปี ส่งผลกระทบอย่างหนักหน่วงต่อผู้บริโภคหลายระลอก ทำให้ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ มากขึ้น!
ดังนั้นการเป็น “Brand Empathy” คือแบรนด์ที่เข้าใจและเห็นอกเห็นใจผู้บริโภคต่อปัญหาที่เขาเหล่านั้นกำลังเผชิญอยู่ สะท้อนผ่านการกระทำของแบรนด์ (Brand Action) ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงกลยุทธ์การตลาดและการสื่อสารที่ตอบโจทย์ Insights และปัญหาของผู้บริโภค นับเป็นหัวใจสำคัญของการเข้าถึงผู้บริโภคยุคนี้
“อลิอันซ์ อยุธยา” (Allianz Ayudhya) พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการบนแนวคิด “Human Centric” ที่เข้าใจใน Pain Point ผู้บริโภค พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันบนความเข้าใจในปัญหาและความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม อย่างล่าสุดเปิดตัวประกันสุขภาพเหมาจ่ายตัวใหม่ “ประกันสุขภาพ ปลดล็อค ดับเบิลแคร์” ที่ให้สิทธิประโยชน์แก่ลูกค้ามากกว่าเดิม คุ้มครองสูงสุด 60 ล้านบาท เพื่อรับมือ 10 โรคร้ายแรงที่เราอาจคาดไม่ถึง!
พร้อมด้วยโฆษณาออนไลน์ 3 เรื่อง ภายใต้แนวคิด “เรื่องสุขภาพ ต้องห้ามพลาด” นำเสนอในรูปแบบรีวิวสินค้า เพื่อให้ตรงกับความชอบของคนไทย
อินไซต์คนไทย “กังวลสุขภาพ – ค่ารักษาพยาบาล” ในยุค COVID-19 และเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น
ผลจาก COVID-19 เป็นปัจจัยเร่งให้คนไทยกังวลด้านสุขภาพ และหันมาดูแลใส่ใจมากขึ้น ส่งผลบวกต่อธุรกิจสุขภาพ และประกัน โดยผลสำรวจจาก “บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)” พบว่า
– 68% ตลาดประกันได้รับผลกระทบเชิงบวกจากการที่ผู้บริโภคไทยหันมาให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพมากขึ้นในช่วง COVID-19 กว่าสองปีที่ผ่านมา
– 67.7% ของผู้บริโภคมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับสุขภาพเพิ่มขึ้น
– 59.3% ค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้น รวมถึงการป้องกันตัวเองจาก COVID-19 ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
เพราะในขณะที่คนไทยอยากดูแลสุขภาพมากขึ้น และซื้อประกันสุขภาพเพื่อป้องกันความเสี่ยงในอนาคต แต่ก็ต้องเจอกับภาวะเงินเฟ้อ มีผลต่อค่าเบี้ยประกันสุขภาพ และค่ารักษาพยาบาลปรับตัวสูงขึ้น โดยพบว่า
– สัดส่วนเบี้ยประกันสุขภาพปรับเพิ่มอย่างต่อเนื่องจากสัดส่วน 37% ในปี 2560 เพิ่มเป็น 48% ในปี 2561 และเมื่อปีที่ผ่านมาสัดส่วนเบี้ยประกันสุขภาพเพิ่มขึ้นเป็น 50% ซึ่งคาดว่าปี 2564 ยังคงปรับขึ้นอีก
– เช่นเดียวกับค่ารักษาพยาบาล ปรับเพิ่มขึ้นตามเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 7 – 10% ต่อปี และคาดว่าค่ารักษาพยาบาลจะแพงขึ้นไปอีกเท่าตัวในอีก 10 ปีข้างหน้า จากการพัฒนายาและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มีประสิทธิผลในการรักษาสูงขึ้นด้วย โดยเฉพาะโรคร้าย เช่น โรคมะเร็ง ปัจจุบันการรักษามะเร็งระยะลุกลามตกอยู่ที่ประมาณกว่า 1 – 2 ล้านบาท และคาดว่าในอีก 15 – 20 ปีต่อจากนี้มีโอกาสแพงขึ้นเป็น 4 เท่าตัว หรืออยู่ที่ประมาณกว่า 4 – 5 ล้านบาท รวมถึงโรคเกี่ยวกับหัวใจ และโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดสมอง เป็นต้น
จากข้อมูลดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่าในขณะที่คนไทยกังวลเรื่องสุขภาพมากขึ้น จึงหันมาดูแลป้องกันสุขภาพเพิ่มขึ้น แต่ขณะเดียวกันกลับพบว่าค่าใช้จ่ายในการดูแลป้องกันและรักษาสุขภาพ ก็ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ยิ่งในยุคเงินเฟ้อ ที่ทำให้เงินในกระเป๋าผู้บริโภคน้อยลงจากภาระค่าใช้จ่ายทุกอย่างในชีวิตประจำวันเพิ่มขึ้น และหากตรวจเจอโรคร้ายแรงที่ต้องใช้วงเงินค่ารักษาพยาบาลค่อนข้างสูง ยิ่งเป็นภาระหนักอึ้ง! นี่จึงเป็น Pain Point ใหญ่ที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่กำลังเผชิญในเวลานี้
ด้วยความเข้าใจปัญหาที่คนไทยกำลังประสบ “อลิอันซ์ อยุธยา” (Allianz Ayudhya) จึงได้ออกแบบประกันสุขภาพแนวใหม่เพื่อสู้กับเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาได้อย่างครอบคลุม โดยไม่ต้องกังวลต่อการรักษาพยาบาลว่าความคุ้มครองนั้นจะเพียงพอหรือไม่
รู้จัก “ประกันสุขภาพเหมาจ่าย ดับเบิลแคร์” ความคุ้มครองเคียงข้างผู้บริโภคในยุคเงินเฟ้อ
ประกันสุขภาพ ปลดล็อค “ดับเบิลแคร์” ของอลิอันซ์ อยุธยา เป็นผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพเหมาจ่ายรูปแบบใหม่ที่ถือว่าเป็นการลงทุนที่เอาชนะเงินเฟ้อได้ เพราะให้สิทธิประโยชน์แก่ลูกค้ามากกว่าเดิมที่ให้ความคุ้มครองนานถึงอายุ 90 ปี ประกอบด้วย 3 แผนความคุ้มครอง
– แผน 1 วงเงินผลประโยชน์ต่อรอบปีกรมธรรม์ธรรม์ 8 ล้านบาท
– แผน 2 วงเงินผลประโยชน์ต่อรอบปีกรมธรรม์ธรรม์ 15 ล้านบาท
– แผน 3 วงเงินผลประโยชน์ต่อรอบปีกรมธรรม์ธรรม์ 30 ล้านบาท
นอกจากนี้ วงเงินผลประโยชน์จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จาก 8 ล้าน เป็น 16 ล้านบาท, จาก 15 ล้าน เป็น 30 ล้านบาท และ จาก 30 ล้าน เป็น 60 ล้านบาทต่อรอบปีกรมธรรม์ เมื่อได้รับการวินิจฉัยและยืนยันว่าเป็น 1 ใน 10 โรคร้ายแรงตามที่กำหนดในกรมธรรม์เป็นครั้งแรก ได้แก่ กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด การผ่าตัดเส้นเลือดเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ การผ่าตัดลิ้นหัวใจโดยวิธีการเปิดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองโป่งพองที่ต้องรักษาโดยการผ่าตัด โรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน โรคมะเร็งระยะลุกลาม การผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะหรือปลูกถ่ายไขกระดูก การผ่าตัดเส้นเลือดแดงใหญ่เอออร์ต้า การผ่าตัดกระดูกสันหลังคด โดยไม่ทราบสาเหตุ แผลไหม้ฉกรรจ์
โดยสามารถสมัครได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือน 1 วัน ถึง 70 ปี ต่ออายุสัญญาได้ถึงอายุ 89 ปี คุ้มครองถึงอายุ 90 ปี ซึ่งเป็นสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น
ไม่เพียงแต่ให้สิทธิการเบิกจ่ายตามจริงที่มากกว่าเดิม เมื่อต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล เช่น ค่าผ่าตัด ค่าเครื่องมือแพทย์ ค่าวางยาสลบ ค่ารถพยาบาล และความคุ้มครองผู้ป่วยนอก เช่น ค่ารักษาพยาบาลโดยการผ่าตัดเล็ก รวมถึงค่ารักษาพยาบาลกรณีอุบัติเหตุฉุกเฉินที่รักษาภายใน 24 ชั่วโมง แต่ยังดูแลต่อเนื่องหลังออกจากโรงพยาบาลเช่น ค่าเวชศาสตร์ฟื้นฟู กายภาพบำบัด ค่าหมอนัด follow up ตามอาการ ล้างแผล และตัดไหม
พร้อมมอบสุขภาพดีให้กับลูกค้าด้วยการดูแลเชิงป้องกัน ด้วยค่าวัคซีนและค่าตรวจสุขภาพ สูงสุด 5,500 บาทต่อรอบปีกรมธรรม์
ส่งโฆษณาประกันเชิง “รีวิวสินค้า” ฉีกรูปแบบโฆษณาประกันสุขภาพเดิมๆ
ไม่เพียงแต่เข้าใจความต้องการและปัญหาของผู้บริโภค แล้วตีโจทย์ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพ ปลดล็อค “ดับเบิลแคร์” อลิอันซ์ อยุธยายังรู้ใจผู้บริโภคไทยนิยมดู “รีวิวสินค้า” ก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า หรือแบรนด์ใดๆ ก็ตาม จึงนำเอาความชอบของผู้บริโภค ผสานเข้ากับ Core Benefit ของผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพ ปลดล็อค “ดับเบิลแคร์” พร้อมกับการสร้างการรับรู้ให้คนไทยหันมาให้ความสำคัญกับประกันสุขภาพมากขึ้น สร้างสรรค์ออกมาเป็นงานโฆษณาผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เรื่องสุขภาพ ต้องห้ามพลาด”
โดยได้ “คุณปภพ เชาวนปรีชา Deputy Executive Creative Director บริษัท Rabbit’s Tale” เป็นผู้คิดคอนเซปต์แคมเปญครั้งนี้ นำเสนอ 3 เรื่องผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้ง YouTube และ Facebook ทำให้คนดูดูแล้วรู้สึกเหมือนชมคอนเทนต์รีวิวสินค้าจริง
– “รีวิวนาฬิกา” เปิดประเด็นด้วยเรื่องช่วงนี้ลงทุนอะไรดี ซึ่งในยุคนี้หลายคนมองการซื้อนาฬิกาเป็นการลงทุนรูปแบบหนึ่ง จึงนำเสนอด้วยการรีวิว นาฬิกา 4 แบบ เปรียบกับการคุ้มครองที่ต่างกันออกไป เช่น ICU, MRI ผ่าตัด ล้างไต ฉายรังสี เพราะฉะนั้นหากมองการซื้อประกันสุขภาพ ก็เป็นการลงทุนเช่นเดียวกัน แต่เป็นการลงทุนด้วยเบี้ยประกันหลักหมื่น แต่ได้รับความคุ้มครองหลักล้าน
– รีวิวอสังหาริมทรัพย์ พาชมบรรยากาศโรงพยาบาล ที่เพียบพร้อมเครื่องมือแพทย์สุดทันสมัย เพื่อให้เห็นภาพการรับบริการในโรงพยาบาลที่มีเทคโนโลยีชั้นสูงในการรักษา ซึ่งหากเป็นโรคร้ายแรงค่าใช้จ่ายต่อการรักษาก็จะสูงขึ้น ซึ่งถ้าลูกค้ามีแบบประกันดับเบิลแคร์ก็ไม่ต้องกังวลค่ารักษา
– รีวิวบัตรเครดิต เปรียบเทียบการใช้เงินบัตรเครดิตที่ใครๆ ก็อยากจะมีวงเงินในบัตรที่สูง แต่หากวงเงินบัตรเครดิตเปลี่ยนเป็นวงเงินของประกันสุขภาพ ไม่ต้องรอให้ป่วยก่อน ก็สามารถเตรียมพร้อมเรื่องวางแผนสุขภาพได้ตั้งแต่วันนี้ เพราะหากเกิดเป็นโรคร้ายแรงตามกรมธรรม์กำหนด ก็จะได้รับวงเงินดับเบิ้ล สูงสุด 30 ล้าน
โฆษณาออนไลน์ทั้ง 3 เรื่องนี้ นอกจากสื่อสารถึงจุดเด่นของผลิตภัณฑ์สุขภาพตัวใหม่แล้ว ยังสร้างการรับรู้ให้ผู้บริโภคเห็นความสำคัญของการซื้อประกัน ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นการลงทุนที่ให้ความคุ้มครองด้านสุขภาพและการรักษาพยาบาล หากเทียบกับค่าใช้จ่ายโรคร้ายแรงที่สูง บวกกับช่วงภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นส่งผลให้ค่ารักษาพยาบาลก็แพงมากขึ้นตามไปด้วย
สามารถรับชมโฆษณาทั้ง 3 เรื่องได้ทาง Facebook : AZAY Fan