เมื่อเอ่ยชื่อ “อายิโนะโมะโต๊ะ” (Ajinomoto) เชื่อว่าคนส่วนใหญ่มักนึกถึง “ผงชูรส” หรือ โมโนโซเดียมกลูตาเมต (MSG) ที่ให้รสชาติอูมามิ, ผงปรุงรสแบรนด์ “รสดี” และกาแฟกระป๋อง “เบอร์ดี้” เป็น 3 แบรนด์ที่อยู่คู่ครัวเรือนไทยและคนไทยมายาวนาน 53 ปี นับตั้งแต่บริษัท Ajinomoto Co., Inc. จากญี่ปุ่นเข้ามาตั้งสำนักงานในไทยปี 1960 และตั้งโรงงานที่พระประแดง ปี 1962
ปัจจุบัน “อายิโนะโมะโต๊ะ ประเทศไทย” รายได้หลักมาจากเครื่องปรุงรส มากกว่า 50% ตามมาด้วยกลุ่มเครื่องดื่ม เช่น เบอร์ดี้ 25% และกลุ่มธุรกิจ B2B ที่บริษัทฯ ซัพพลายให้ธุรกิจต่างๆ อีก 25%
อย่างไรก็ตามวิสัยทัศน์ของกลุ่มบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะระดับโลก ได้ปรับวิสัยทัศน์และภารกิจใหม่ เพื่อเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจครั้งสำคัญ สู่การเป็น “ผู้นำในการสร้างความอยู่ดีมีสุดให้สังคมอย่างยั่งยืน” ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในฐานตลาดที่สำคัญ อายิโนะโมะโต๊ะ ประเทศไทย จึงได้ดำเนินการสอดคล้องกับกลุ่มบริษัทฯ เช่นกัน
“กลุ่มบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะมุ่งเน้นการดำเนินงานที่ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายในปี 2573 ของกลุ่มบริษัทฯ ในระดับโลก ด้วยการมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เกี่ยวกับอาหารและสุขภาพ ผ่านการใช้ศาสตร์แห่งกรดอะมิโน เพื่อช่วยส่งเสริมสุขภาพดีของผู้คนจำนวน 1,000 ล้านคน และการทำงานเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมลง 50% จากการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน” มร. อิชิโระ ซะกะกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงวิสัยทัศน์และพันธกิจของอายิโนะโมะโต๊ะในระดับโลก
จากโจทย์ระดับโลก สู่ 3 กลยุทธ์ธุรกิจอายิโนะโมะโต๊ะ ประเทศไทย
เพื่อให้บรรลุพันธกิจในการสร้างความอยู่ดีมีสุขให้สังคมไทย อายิโนะโมะโต๊ะ ประเทศไทย ให้ความสำคัญกับการสร้าง Well-being หรือ “การอยู่ดีมีสุข” ทั้งกับเพื่อนพนักงานและคนไทยทุกคน
– ในส่วนของเพื่อนพนักงาน ได้มีการให้ความรู้ด้านโภชนาการที่ถูกต้อง พร้อมทั้งได้ดำเนินการปรับปรุงสถานที่ต่าง ๆ ในสถานประกอบการ เช่น โรงอาหารที่มีเมนูสุขภาพให้เลือกรับประทาน หรือสถานที่ออกกำลังกายที่ได้มาตรฐาน อันจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทั้งทางด้านอาหารและการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นได้
– สำหรับคนไทย อายิโนะโมะโต๊ะ ประเทศไทย ได้ตั้งเป้าที่จะสนับสนุนคนไทยกว่า 3 ล้านคนในทุกช่วงวัยให้มีสุขภาพดีรับสังคมผู้สูงวัยของไทย ด้วยนวัตกรรมที่เกี่ยวกับอาหารและสุขภาพของบริษัทฯ ผ่านกลยุทธ์การดำเนินงานทั้งหมด 3 แนวทาง ประกอบด้วย
1. โภชนาการที่สมดุล เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพดีขึ้นด้วยโภชนาการที่ปราศจากการประนีประนอม (Nutrition without Compromising) ผ่านการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นทางเลือกเพื่อสุขภาพซึ่งได้รับการรับรองเครื่องหมาย Healthier Choice Logo เช่น
– กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ลดโซเดียม (รสดี สูตรลดโซเดียม, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยำยำ ฯลฯ)
– กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ลดน้ำตาล (กาแฟกระป๋องเบอร์ดี้, น้ำตาลไลท์ชูการ์, เบลนดี้ สติ๊ก คาเฟ โอเล ฮาฟแคลอรี่ ฯลฯ)
นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาสูตรอาหารเพื่อสุขภาพ แต่ยังคงความอร่อย พร้อมทั้งพัฒนาระบบประเมินปริมาณสารอาหารสำหรับเมนูอาหารไทย (Nutrient Profiling System for Thai Menus: NPS-M) ให้คนไทยได้ใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจเลือกเมนูอาหารที่ชอบ อร่อย และเหมาะกับสุขภาพของแต่ละคน
2. โภชนาการสำหรับการกีฬา ในโครงการ Thailand Victory Project ด้วยการสร้างสรรค์โปรแกรมโภชนาการอาหารที่เหมาะสมกับนักกีฬา (Winning Meal) เพื่อเสริมสมรรถภาพร่างกายให้แข็งแรงและมีพลังงานเพียงพอ ควบคู่ไปกับการสนับสนุนผลิตภัณฑ์อะมิโนไวทัล ให้กับทีมนักกีฬาทีมชาติไทยในศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ผ่านมา รวมไปถึงแผนการสนับสนุนในอนาคตต่อไป
3. ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับสุขภาพ ด้วยการนำศาสตร์แห่งกรดอะมิโนมาตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพของคนวัยทำงานจนถึงผู้สูงวัย เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการก้าวเข้าสู่ สังคมผู้สูงอายุแบบสุดยอด (Hyper-Aged Society) ในปี 2578 ของไทย
โดยได้เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่กว่า 10 ผลิตภัณฑ์ทั้งในส่วนอาหารและอาหารเสริม ภายในปี 2573 เพื่อเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพให้แก่คนไทยกว่า 3 ล้านคนในทุกช่วงวัย
“ด้วยสภาวะแวดล้อมในการทำธุรกิจและการใช้ชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งความมุ่งมั่นที่จะตอบโจทย์ความต้องการของทุกภาคส่วนทั้งลูกค้า สังคมและสิ่งแวดล้อม และพนักงาน บริษัทฯ จึงได้ปรับวิสัยทัศน์และภารกิจใหม่
อายิโนะโมะโต๊ะ ประเทศไทย มีแผนเปิดตัวกว่า 10 ผลิตภัณฑ์ภายในปี 2573 เพื่อสนับสนุนคนไทยกว่า 3 ล้านคนในทุกช่วงวัยให้มีสุขภาพดีรับสังคมผู้สูงวัยของไทยในอนาคตอันใกล้
รวมทั้งขยายผลความสำเร็จในการปลูกฝังแนวคิดการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสู่ผู้บริโภคทั่วประเทศ ผ่านแคมเปญ Too Good To Waste เพื่อส่งต่อแนวคิดในการจัดการกับการสูญเสียอาหารและขยะอาหารให้กับคนไทยในภาคครัวเรือน” มร. อิชิโระ ซะกะกุระ ขยายความเพิ่มเติม
ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอนกิจกรรมทางธุรกิจ
สำหรับแผนด้านความยั่งยืน อายิโนะโมะโต๊ะ ประเทศไทย ได้ตั้งเป้าหมายในการดำเนินงาน 5 ด้าน เพื่อบรรลุผลในปี 2573 คือ
1. การลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 50%
2. การอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ 80%
3. ลดขยะพลาสติกเป็นศูนย์ (รีไซเคิลพลาสติก)
4. ลดปริมาณของเสียจากอาหารและอื่น ๆ ลง 50%
5. การจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน 100% ด้วยการจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งการผลิตในโรงงานและภาคการเกษตร
โดยโรงงานทุกแห่งของบริษัทฯ ได้ดำเนินงานตามแนวทางวัฏจักรชีวภาพในกระบวนการผลิต มาใช้ในการจัดการทรัพยากรในโรงงานอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ในภาคการเกษตร บริษัทฯ ได้ดำเนินงานผ่านโครงการ “การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของเกษตรกรไทย” (Thai Farmer Better Life Project) ด้วยการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ควบคู่กับการให้ความรู้ในการปรับปรุงดิน พัฒนาสายพันธุ์มันสำปะหลังซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะ ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์โรคใบด่างฯ ซึ่งเป็นโรคระบาดที่สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับมันสำปะหลัง
ขณะเดียวกันยังได้เปิดตัวแคมเปญ Too Good To Waste เพื่อส่งต่อแนวคิดในการจัดการกับการสูญเสียอาหารและขยะอาหารให้กับคนไทยในภาคครัวเรือน ซึ่งเป็นการต่อยอดแนวทางการจัดการ Food Loss and Food Waste ที่ใช้ในโรงงาน
“เราคาดว่าโครงการและกิจกรรมภายใต้ความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ทั้งในส่วนการสร้างความอยู่ดีมีสุขให้สังคมไทย และการดำเนินการเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ที่กำลังดำเนินการอยู่และกำลังจะเริ่มดำเนินการในอนาคต จะได้รับการตอบรับที่ดีจากคนไทย เช่นเดียวกับที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในประเทศญี่ปุ่น และตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นผู้นำในการสร้างความอยู่ดีมีสุขให้กับสังคมไทย อันจะนำไปสู่เป้าหมายเพื่อความยั่งยืนภายในปี 2573 ได้สำเร็จ” มร. ซะกะกุระ กล่าวทิ้งท้าย