หลังจาก AIS PLAY และกล่อง AIS PLAYBOX ต้องยุติไม่สามารถถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018ตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย. 2561 ตามคำสั่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ตามที่ทรูวิชั่นส์ได้ร้องขอต่อศาลไว้ ล่าสุดทาง เอไอเอส ได้ทำหนังสือขอความเห็นใจ มีใจความว่า
ตามที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้มีประกาศกฏ Must Have ให้รายการ 7 ประเภทที่ต้องออกอากาศผ่านฟรีทีวี ได้แก่ การแข่งขันกีฬาซีเกมส์, เอเชียนเกมส์, กีฬาโอลิมปิค และการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย เป็นต้น
และประกาศดังกล่าว ได้กำหนดให้ผู้ให้บริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิกที่มีโครงข่ายเป็นของตนเองมีหน้าที่ต้องให้สมาชิกได้รับชมรายการโทรทัศน์ที่ออกอากาศเป็นการทั่วไป หรือ Free TV ได้โดยตรงอย่างต่อเนื่อง และไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทำซ้ำ ดัดแปลง ผังรายการหรือเนื้อหารายการ
บริษัท ซุปเปอร์ บรอดแบนด์ เน็ทเวอร์ค จำกัด (SBN) บริษัทในเครือของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)หรือ เอไอเอส ในฐานะผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียง หรือโทรทัศน์ เพื่อให้บริการโครงข่ายกิจการกระจายเสียง หรือโทรทัศน์ สำหรับกิจการที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ จึงเป็นหน้าที่ที่บริษัทฯต้องปฏิบัติตามประกาศกสทช.ดังกล่าว โดยได้ดำเนินการนำสัญญาณโทรทัศน์จากช่อง Free TV ทุกช่อง
รวมถึงรายการการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ที่ออกอากาศจากทั้ง 3 ช่อง ได้แก่ ช่อง 5 HD ,ช่อง True4U และอมรินทร์ทีวี ช่อง 34 ผ่าน AIS PLAY และกล่อง AIS PLAYBOX เนื่องจากเป็นรายการสำคัญที่ระบุไว้ในประกาศ Must Have และ บริษัทต้องดำเนินการถ่ายทอดตามประกาศ Must Carry
ก่อนหน้าที่บริษัทฯจะนำสัญญาณโทรทัศน์ดังกล่าวมาเผยแพร่นั้น บริษัทฯ มีความกังวลเกี่ยวกับกฏหมายด้านลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 จากช่อง Free TV จึงได้ทำหนังสือหารือแนวทางการดำเนินการไปยังสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)ว่า บริษัทฯยังคงมีหน้าที่ต้องนำรายการโทรทัศน์ที่เผยแพร่ของช่อง Free TV ทั้งหมดมาเผยแพร่ตามประกาศฯ กสทช. หรือไม่ โดยทางกสทช.ได้ตอบข้อหารือถึงแนวทางการดำเนินการดังกล่าวใน 2 ประเด็น คือ
- บริษัทฯ มีหน้าที่ปฏิบัติตามประกาศของ กสทช.โดยให้สมาชิกได้รับบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไปได้โดยตรงอย่างต่อเนื่อง และไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทำซ้ำ ดัดแปลง ผังรายการหรือเนื้อหารายการเพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของประชาชนให้สามารถเข้าถึงบริการข้อมูล ข่าวสารสาระที่มีประโยชน์อย่างเท่าเทียมและทั่วถึงในทุกช่องทาง
- บริษัทฯต้องตรวจสอบ และควบคุมการออกอากาศการให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป ให้ออกอากาศเฉพาะในประเทศไทย
ทั้งนี้ การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกในครั้งนี้บริษัทฯ ไม่ได้รับผลประโยชน์อย่างใดเนื่องจากไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือดัดแปลงเนื้อหารายการใดๆทั้งสิ้นเป็นเพียงแต่ผู้เผยแพร่เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้มีความสุขกับการได้รับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 ตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของประกาศ Must Have และ Must Carry เพียงเท่านั้น
และเมื่อได้ออกอากาศการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 จำเป็นต้องยุติการออกอากาศการแข่งขันดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย.2561 เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป เนื่องจากศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ได้มีคำสั่งให้บริษัทยุติ การเผยแพร่รายการดังกล่าวตามที่ บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด ได้ร้องขอต่อศาลไว้
เหตุการณ์นี้ ส่งผลให้ลูกค้าแอป AIS PLAY และกล่อง AIS PLAYBOX จำนวนมากไม่สามารถรับชมการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ได้อีกต่อไปตามที่บริษัทฯ ต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ ก็จะตกอยู่ในฐานะของผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามประกาศกสทช.ดังนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นจึงเป็นประเด็นที่ทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ และเอกชนควรหารือร่วมกัน เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติของผู้ประกอบการ ไม่ก่อให้เกิดปัญหาต่ออุตสาหกรรมโทรทัศน์ในอนาคตต่อไป ตลอดจนคุ้มครองสิทธิของประชาชนในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่ออกอากาศทางช่อง Free TV
ต้องรอดูจากนี้ ทางกสทช.จะมีความเคลื่อนไหวอย่าง ไร เพื่อจะใช้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้น และเป็นบรรทัดฐานในอนาคต