ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตลาด EV ถูกขับเคลื่อนด้วยกลไกด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หลายพื้นที่ของโลก EV ถูกขับเคลื่อนด้วยมาตรการทางกฎหมายเพื่อลดการปล่อยมลพิษ ทำให้หลายค่ายรถยนต์ทั่วโลกหันไปให้ความสำคัญกับการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า (EV) จนลืมไปว่า ยานพาหนะที่มีใช้กันมากมายทั่วโลกไม่ได้มีแค่รถยนต์ที่มีล้อมากกว่า 4 ล้อขึ้นไป
โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา ข้อมูลของกรมขนส่งทางบกระบุรถจักรยานยนต์หรือรถมอไซค์มีการจดทะเบียนใหม่ทั้งสิ้น 1.38 ล้านคัน ซึ่งในจำนวนนี้มากกว่า 80% ยังคงเป็นมอไซค์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง และหมายถึงปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่จะถูกปลดปล่อยออกมาอย่างมากมายจากรถมอไซค์ที่มีอยู่จำนวนมากในประเทศไทย (ยังไม่นับรวมกับรถมอไซค์เก่าที่ยังคงอยู่ในระบบ)
และเมื่อพูดถึงตลาดมอไซค์ไฟฟ้าในประเทศไทยต้องยอมรับว่า ยังคงมีสัดส่วนที่น้อยแม้จะมีแนวโน้มเติบโต ส่วนหนึ่งเป็นเพราะระยะทางการใช้งานที่ยังเทียบไม่ได้กับรถมอไซค์ปกติ รวมถึงวิธีการเปลี่ยนแบตและชาร์จแบตที่ดูจะยุ่งยากกว่ารถยนต์ EV ยังไม่นับการดีไซน์ที่เรียกได้ว่า ยังไม่สะดุดตาของผู้บริโภค
ซึ่งในระดับโลกก็ประสบปัญหาไม่ต่างไปจากประเทศไทย นั่นจึงทำให้ผู้ผลิตรถมอไซค์รายใหญ่ระดับโลก 4 รายในญี่ปุ่น ประกาศแผนการร่วมกันพัฒนาเครื่องยนต์สำหรับรถมอไซค์ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน โดยคาดว่ารถมอไซค์จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยยังคงเอกลักษณ์และวิถีของรถมอไซค์ไว้
สำหรับ 4 ผู้ผลิตรถมอไซค์รายใหญ่ของญี่ปุ่น ประกอบไปด้วย Honda Motor Co., Kawasaki Motors Corp., Suzuki Motor Corp. และ Yamaha Motor Co. โดยทั้ง 4 ผู้ผลิตจะมีการจัดตั้งองค์กรกลางในการวิจัยและพัฒนา (R&D) เครื่องยนต์ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจนในเดือนหน้า เพื่อส่งเสริมพลังงานไฮโดรเจนให้เป็นแหล่งพลังงานแห่งอนาคต
ผู้ผลิตทั้ง 4 ค่ายมองว่า รถมอไซค์ไฟฟ้าเป็นการผลิตบนแพลตฟอร์มใหม่ที่แตกต่างไปจากรูปแบบการผลิตเครื่องยนต์สันดาปเดิมโดยสิ้นเชิง ในขณะที่พลังงานไฮโดรเจนจะใช้เทคโนโลยีบนพื้นฐานของเครื่องยนต์สันดาปเดิมเป็นหลัก ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทั้ง 4 ผู้ผลิตมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว อีกทั้งพลังงานไฮโดรเจนยังไม่มีขั้นตอนหรือกระบวนการใดที่มีส่วนในการปล่อยมลพิษสู่บรรยากาศ
นอกจากนี้จะมีการเชิญ บริษัท Toyota Motor Corp. ซึ่งถือเป็นผู้พัฒนารถยนต์เครื่องยนต์ไฮโดรเจนระดับโลก และ บริษัท Kawasaki Heavy Industries Ltd. ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านการขนส่งไฮโดรเจนเหลว มาเข้าร่วมเป็นสมาชิกพิเศษในองค์กรที่จะมีการจัดตั้งขึ้นภายใต้ชื่อ Hydrogen Small Mobility & Engine Technology Association และยังอาจจะเชิญผู้ผลิตในสหรัฐฯ และยุโรปเข้าร่วมองค์กรเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจนทั่วโลก
สำหรับปัญหาหลักที่ผู้ผลิตรถมอไซค์กำลังประสบในด้านเครื่องยนต์ไฮโดรเจน คือ พื้นที่สำหรับติดตั้งเครื่องยนต์ไฮโดรเจนและระบบถังเก็บเชื้อเพลิงไฮโดรเจน เนื่องจากไฮโดรเจนมีความไวไฟสูงกว่าน้ำมันเบนซินมาก โดยองค์กรดังกล่าวจะเน้นการวิจัยพื้นฐานสำหรับเครื่องยนต์ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน ในขณะที่การตัดสินใจพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับในการขายเชิงพาณิชย์จะขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท
ซึ่งหากสามารถพัฒนาได้แล้วเสร็จก็จะเป็นการช่วยเพิ่มทางเลือกอีกทางในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม บนความต้องการใช้รถมอไซค์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี