การระบาดของโคโรน่าไวรัส หรือ โควิด-19 ตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ส่งผลให้ทุกคนต้องปรับตัวและเรียนรู้กับวิถีชีวิตที่เป็น New Normal แบบที่ไม่คุ้นเคย แต่เมื่อผ่านไปสักระยะหนึ่ง สิ่งเหล่านั้นคงจะเรียกว่าเป็น Now Normal ตามรูปแบบการใช้ชีวิตที่เป็นอยู่ซะมากกว่า เกิดเป็นความคุ้นชินใหม่ๆ ในโลกใบเดิมนั่นเอง ขณะเดียวกันวิถีชีวิตแบบใหม่นี้ส่งผลถึงการเปลี่ยนแปลงดิจิทัลแทรนด์ในด้านต่างๆ อีกด้วย นั่นหมายความว่า แบรนด์ต้องมองหายุทธวิธีใหม่ๆ เพื่อเดินบนเส้นทาง Now Normal ที่คำว่าดิจิทัลหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว
ทั้งนี้ ด้วยประสบการ์ทำงานร่วมกับหลายแบรนด์ ทำให้ Code & Craft บริษัทออกแบบ Digital Experience Solution ในเครือ แรบบิท ดิจิทัล กรุ๊ป (Rabbit Digital Group) มองเห็นถึงเทรนด์การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ที่แบรนด์ควรจับตามอง เพื่อเติบโตไปข้างหน้าในโลกที่ทุกอย่างย้ายไปอยู่บนอินเทอร์เน็ต
1.Customer Behavior is the new black เมื่อความท้าทายของแบรนด์ไม่ใช่ “แบรนด์คู่แข่ง” อีกต่อไป
สิ่งที่เห็นได้ชัดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาก็คือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ซึ่งกลายเป็นความท้าทายใหม่ของแบรนด์ โดยในอดีตนั้น แบรนด์มักจะให้ความสำคัญกับสถานการณ์ของตลาดและการเดินเกมของคู่แข่งเป็นอันดับต้นๆ แต่ตอนนี้แบรนด์ต้องหันมาใส่ใจกับไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมของผู้บริโภคมากขึ้น จากผลสำรวจพฤติกรรมของคนหลังจากเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ของ PricewaterhouseCoopers (PwC) พบว่าคนระวังการใช้เงินมากขึ้น เพราะยังไม่วางใจว่าสถานการณ์การระบาดจะยืดเยื้อไปถึงเมื่อไร นอกจากนี้ผู้บริโภคยังปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ให้สอดคล้องกับสภาพคล่องทางการเงินและสุขภาพอีกด้วย โดยคนไทยกว่า 57% มีแนวโน้มรับประทานอาหารที่ร้านน้อยลง และซื้อกลับบ้านมากขึ้น และ 44% ลดการใช้เงินไปกับกิจกรรมศิลปะ วัฒนธรรมและกีฬา
เมื่อเป็นเช่นนั้น แบรนด์ต้องเริ่มปรับกลยุทธ์การเข้าหาลูกค้า หยิบใช้นวัตกรรมใหม่ๆ สร้าง Customer Journey ที่มีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในทุกมิติ ตั้งแต่ผู้บริโภคเริ่มสนใจแบรนด์ กลายเป็นลูกค้า รวมทั้งการบริการหลังการขายและรักษาลูกค้าในระยะยาว เรียกได้ว่าผู้บริโภคคาดหวัง Customer Experience ที่ดีที่สุดจากการเป็นลูกค้าของแบรนด์นั่นเอง
2.Dynamic Digital Ecosystem O2O กับเส้นทางที่เป็นทั้ง Offline to Online และ Online to Offline
ตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากิจกรรมในแต่ละวันของคนเรานั้น ล้วนอยู่บนโลกออนไลน์ไปซะเกือบหมด ฉะนั้นแล้วการใช้โมเดลทางธุรกิจแบบเดิม อาจจะไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป
แม้ว่าคนรอบตัวหันมาสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์หรือ E-Commerce กันมากขึ้น แต่จากการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคของ PwC ยังระบุว่า กว่า 38% ของผู้บริโภคชาวไทยยังเลือกจับจ่ายสินค้าหน้าร้าน (Physical Store) เป็นช่องทางหลักอยู่
นั่นหมายความว่า แบรนด์ยังต้องให้ความสำคัญตลาดทั้ง Offline และ Online ควบคู่กันไป กลยุทธ์ O2O แบบเก่าอย่าง Online-to-Offline หรือ Offline-to-Online ทางเดียวนั้น อาจจะไม่เพียงพออีกแล้ว แบรนด์ต้องเริ่มประยุกต์ใช้ 2-Way O2O หรือการเดิน 2 ฝั่งไปพร้อมๆ กัน เพื่อพัฒนากลยุทธ์และเครื่องมือทางการตลาดว่าช่วงไหนเหมาะกับ Online และช่วงไหนจะใช้ Offline เพื่อให้แบรนด์ไม่ใช่แค่วิ่งตาม แต่เป็นการวิ่งไปพร้อมกับเทรนด์ของตลาดและผู้บริโภค การมี Digital Ecosystem ของแบรนด์ที่สมบูรณ์จะช่วยดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้เข้าหาแบรนด์ สร้าง Brand Loyalty เพิ่มขึ้น และเกิดเป็นออนไลน์คอมมูนิตี้ของลูกค้าที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เป็น Top of Mind
3.Content Strategy เมื่อคอนเทนต์ไม่ได้หยุดอยู่แค่การให้ข้อมูลทางเดียว
Content Strategy หรือกลยุทธ์ในการทำคอนเทนต์ คือเครื่องมือที่แบรนด์ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก การทำคอนเทนต์ในยุคนี้นั้น นอกจากจะตระหนักถึงเนื้อหา ภาษา และโทนการเล่าเรื่อง แบรนด์ยังต้องคำนึงถึงพลังความสามารถของตัวคอนเทนต์ ที่สามารถไปถึงผู้รับสารกลุ่มเป้าหมาย ปรับมุมของของผู้รับสารต่อแบรนด์ ซึ่งจะส่งผลสะท้อนกลับเข้ามาหาแบรนด์อีกต่อหนึ่งด้วย
การสร้าง Content Strategy มีหลากหลายรูปแบบและทิศทาง ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและสิ่งที่แบรนด์อยากจะให้เกิดขึ้น และที่สำคัญคือ ต้องสะท้อนตัวตนของแบรนด์ (Brand Identity) อย่างชัดเจน แม้ว่าใครก็สามารถเป็น Content Creator ได้ แต่ไม่ใช่คอนเทนต์ทั้งหมดบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้ ปัจจุบันมีเครื่องมือและแพลตฟอร์มดิจิทัลมากมายที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับ Content Strategy และนักสร้างสรรคอนเทนต์ ในการเนรมิตงานให้ตรงกับกลยุทธ์ที่วางไว้ การมีกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพและเครื่องมือที่พร้อม นอกจากจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำมากขึ้นแล้ว ยังจะสร้างสร้าง conversion ที่ทรานส์ฟอร์มจากคนเสพย์เนื้อหา ให้กลายเป็นลูกค้าของแบรนด์ได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
นี่คือตัวอย่างของดิจิทัลเทรนด์ที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะหลังเกิดการระบาดของโควิด-19 ซึ่งตอกย้ำอย่างชัดเจนว่าแบรนด์จะใช้ยุทธวิธีแบบเดิมๆ ในการดำเนินธุรกิจไม่ได้อีกแล้ว