แม้ว่าชื่อแบรนด์ SAMSUNG จะเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของเราผ่านสมาร์ทโฟนและเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ล่าสุด ชื่อแบรนด์นี้จะขยับเข้ามาอยู่ในไลฟ์สไตล์ของคนไทยอีกขั้น ผ่านการดูภาพยนตร์ เพราะล่าสุด SAMSUNG ประกาศเปิดตัว SAMSUNG LED Cinema ซึ่งเป็นความร่วมมือกับ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ในการปฏิวัติความบันเทิงในโรงภาพยนตร์
ทำไมต้องมีโรงภาพยนตร์ ที่ชื่อ SAMSUNG
“ไทยถือเป็นอันดับที่ 4 ในโลก ที่เปิดบริการ SAMSUNG LED Cinema รองจากประเทศเกาหลีใต้ จีน และสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่ง SAMSUNG ต้องการนำเสนอนวัตกรรม CinemaLED Screen จอแอลอีดีล้ำสมัยซึ่งจะเข้ามาแทนที่การฉายภาพด้วยโปรเจคเตอร์แบบเดิม รวมถึงระบบเสียงที่เราปรับปรุงใหม่ ทำให้โรงภาพยนตร์นี้ครบครันทั้งภาพและเสียงจาก Harman International ยกระดับการดูภาพยนตร์แก่ผู้บริโภคที่ต้องการอรรถรสและคุณภาพในโรงภาพยนตร์ ซึ่งสามารถต่อยอดสู่บิสสิเนสโมเดลอื่นภายในโรงภาพยนตร์ของเรา เช่น การจัดแฟชั่นโชว์ หรือถ่ายทอดสดคอนเสิร์ตและการแข่งขันกีฬาก็ทำได้” คุณบุญเลิศ วิบูลย์เกียรติ รองประธาน ธุรกิจลูกค้าองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด อธิบาย และเล่าถึงภาพธุรกิจโปรเจคเตอร์และจอภาพของ SAMSUNG ต่อไปว่า
ใช้จอภาพคุณภาพดีที่สุดในโลก
คุณบุญเลิศ บอกอีกว่า เมื่อพูดถึงแบรนด์ SAMSUNG ชัดเจนว่าเรานำเสนอดีไซน์และเทคโนโลยีอยู่แล้ว ครั้งนี้ก็เป็นอีกขั้นของการนำเสนอนวัตกรรมจอภาพ ซึ่งเรากล้าบอกว่า CinemaLED Screen คือจอคุณภาพดีที่สุดของโลกในขณะนี้
“แม้จะเพิ่งเริ่มธุรกิจจอภาพสู่โรงภาพยนตร์เป็นครั้งแรกในไทย แต่เราตั้งเป้าขยายอีก 3-4 แห่งภายในสิ้นปีนี้โดยเฉพาะทำเลที่เป็นแฟลกชิปโลเคชั่น และเปิดกว้างในการเป็นพาร์ทเนอร์กับรายอื่นด้วย ซึ่งเชื่อว่าการให้บริการ SAMSUNG LED Cinema จะถูกใจและเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมภาพยนตร์ทุกคน และทำให้บริษัทสามารถขยายโอกาสทางธุรกิจไปยังลูกค้ากลุ่มอื่น เช่น การใช้งานในห้องประชุมองค์กร ภาคการศึกษา หรือแม้แต่การเปลี่ยนสู่เทคโนโลยีใหม่แทนอุปกรณ์เดิม”
สำหรับเทคโนโลยีจอภาพแบบ CinemaLED Screen มีจุดเด่นที่น่าสนใจ อาทิ
ความละเอียดจอภาพแบบ 4K สามารถรองรับคอนเทนต์ความละเอียดสูง เพื่อการแสดงผลอย่างมีคุณภาพ
ความคมชัดและให้ความสว่างสูงสุด ให้แสงสว่างมากกว่าจอทั่วไปถึง 10 เท่า ไม่ลดทอนคุณภาพความคมชัด รวมถึงความสดใส และความสว่างบนจอภาพยนตร์ พร้อมคุณสมบัติแสดงภาพสีขาวบริสุทธิ์จนถึงสีดำสนิทด้วยระดับความคอนทราสต์ได้อย่างสมบูรณ์ด้วยระบบ Infinity : 1
มีฟีเจอร์ HDR (High Dynamic Range) ให้ความคมชัดมากกว่าการฉายภาพยนตร์แบบปกติที่ใช้เครื่องโปรเจคเตอร์ยิงงภาพขึ้นจอเงิน
ระยะเวลาใช้งาน 100,000 ชั่วโมง ยาวนานกว่าจอภาพยนตร์ทั่วไป
ดันจอ “LED” เข้ามาแทน “โปรเจคเตอร์เก่า”
เนื่องจากตลาดโปรเจคเตอร์มีเงื่อนไขการใช้งานหลายประการ เช่น เป็นเทคโนโลยีเดิม, ใช้งานมาเป็นเวลานาน, ให้ความละเอียดภาพต่ำ, แสงสี ไม่คมชัดไม่สมจริง แตกต่างจากนวัตกรรมหน้าจอ LED ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถตอบสนองและรองรับการใช้งานได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม จากจุดเริ่มต้นในการเปิดให้บริการโรงภาพยนตร์ร่วมกับเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ขณะนี้ บริษัทก็อยู่ระหว่างพูดคุยกับทางเมเจอร์ฯ เรื่องการเปลี่ยนจอภาพของโรงภาพยนตร์ในเครือซึ่งมีมากกว่า 1,000 จอ
นอกจากนี้ SAMSUNG คาดว่ารายได้จากการจำหน่ายจอ LED ในปีนี้หรือปี 2562 อาจเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% เนื่องจากมีความต้องการใช้งานจากลูกค้ากลุ่มโรงภาพยนตร์, การใช้งานภายในอาคาร, การใช้งานภายนอกอาคาร ซึ่งโดยปกติการใช้งานภายในอาคารสถานที่ต่างๆ จะมีมากกว่าการใช้งานกลุ่มอื่นและช่วยผลักดันให้ธุรกิจจอ LED เติบโต
ส่วนการให้บริการ SAMSUNG LED Cinema ครั้งแรกในประเทศไทย ได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าใช้งานได้ตั้งแต่วันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา ณ โรงภาพยนตร์ พารากอน ซีนีเพล็กซ์ โรงที่ 6 โดยเปิดจำหน่ายตั๋วในราคาเริ่มต้น 250 บาท/ที่นั่ง ในวันจันทร์และอังคาร ส่วนวันพุธ เริ่มต้นที่ 170 บาท/ที่นั่ง และวันพฤหัสบดี-อาทิตย์ เริ่มต้นที่ 280 บาท/ที่นั่ง ส่วนที่นั่ง VIP ราคา 1,000 บาท/ที่นั่ง
สรุปง่ายๆ คือ SAMSUNG เห็นโอกาสในตลาดจอ LED ซึ่งครั้งนี้เป็นความร่วมมือกับเจ้าของโรงภาพยนตร์ ซึ่งสามารถต่อยอดสู่บิสสิเนสโมเดลรูปแบบใหม่ได้อีกมาก ส่วนความสำเร็จในอนาคตจะเป็นไปตามที่ SAMSUNG คาดหวังหรือไม่ คงต้องติดตาม…ตอนต่อไป