โน้ตบุ๊กไฮเอนด์สร้าง Value หนีตลาด “เน็ตบุ๊ก”

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

ก่อนหน้านี้ ถ้าคิดจะซื้อโน้ตบุ๊กขนาดเล็ก น้ำหนักเบาสักเครื่อง โดยมีเงินในกระเป๋าราว 40,000 บาท บอกได้เลยว่าคงทำได้แค่จินตนาการเท่านั้น  เพราะถ้าพูดถึงโน้ตบุ๊กขนาดเล็กน้ำหนักเบา เป็นที่รู้กันดีว่า ต้องมีเม็ดเงินในมืออย่างน้อยๆ  70,000 บาท แต่ทว่า  วันนี้เพียงแค่มีเงิน 30,000-40,000 บาท ก็สามารถเป็นเจ้าของมินิโน้ตบุ๊กแบรนด์หรูได้สบาย ๆ 

ถามว่า  ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงของตลาดโน้ตบุ๊กพรีเมียมครั้งใหญ่ คำตอบง่ายๆ จากบรรดาแบรนด์ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กไฮเอนด์ก็คือ เป็นการสร้างความอยู่รอดนั่นเอง!!!

“เน็ตบุ๊ก”กระทบโน้ตบุ๊กไฮเอนด์

หลายคนบอกว่า ปรากฏการณ์ที่แบรนด์โน้ตบุ๊กพรีเมียมแห่กันปรับระดับราคาลงมาทำตลาดต่ำกว่า 70,000 บาท ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกเลย เพราะท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเช่นนี้ จะมีใครยอมควักกระเป๋าซื้อโน้ตบุ๊กราคาเหยียบแสนไปใช้กันเล่า ซึ่งส่วนหนึ่งก็น่าจะจริงอย่างนั้น

แต่นายปฐม อินทโรดม ผู้จัดการทั่วไป บริษัทเอ.อาร์. อินฟอร์เมชัน แอนด์ พับลิเคชัน จำกัด ชี้ให้เห็นว่า วันนี้กำลังซื้อของตลาดพรีเมียมไม่ได้หดตัวลงอย่างที่คิด ดูได้จากจำนวนการจัดงานสินค้าพรีเมียมตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาไม่ได้ลดลงตามสภาพเศรษฐกิจ แต่ตรงกันข้ามกลับเพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานแสดงนาฬิกาแบรนด์ดังซึ่งปีนี้นับเป็นปีแรกที่มีการจัดงานมากสุดถึง 3 ครั้ง

เพราะฉะนั้นจึงเป็นเครื่องการันตีให้เห็นชัดว่า ผู้บริโภคกลุ่มไฮเอนด์ยังมีกำลังซื้อแน่นอน ทว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือ พฤติกรรมผู้บริโภคเป้าหมายกลุ่มนี้ โดยจะหันไปซื้อสินค้าเพื่อการเก็งกำไรมากขึ้น อย่างเช่น นาฬิกา และทองคำ เป็นต้น
     
“10 ปีที่แล้ว คนมีเงิน 70,000-80,000 บาท มักจะซื้อโน้ตบุ๊ก และนาฬิกา เพราะมีราคาสูง แต่วันนี้พฤติกรรมคนกลุ่มนี้เปลี่ยนไป คนไม่นิยมซื้อโน้ตบุ๊ก ส่วนหนึ่งเพราะราคาโน้ตบุ๊กมีแต่ปรับตัวลง ในขณะที่นาฬิกาหรูมีแต่จะปรับตัวขึ้น เงิน 80,000 บาท อาจจะซื้อนาฬิกาหรูเรือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว” นายปฐม อธิบายถึงพฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่มไฮเอนด์ที่ปรับเปลี่ยนไป ซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดโน้ตบุ๊กหรูในวันนี้

พร้อมกับชี้ด้วยว่า นอกจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปแล้ว การเข้ามาของโน้ตบุ๊กจิ๋วที่มีระดับราคา10,000 บาทต้นๆ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกับตลาดโน้ตบุ๊กหรูเช่นกัน เพราะเดิมทีโน้ตบุ๊กจิ๋ว (เน็ตบุ๊ก)เคยเป็นความหวังของตลาดโน้ตบุ๊กที่จะเข้ามาช่วยขยายตลาดในกลุ่มผู้ใช้ในต่างจังหวัด เนื่องจากระดับราคาไม่สูงมาก แต่ในความเป็นจริงกลับพบว่า ผู้ซื้อส่วนมากเป็นกลุ่มที่มีโน้ตบุ๊กอยู่แล้ว และต้องการซื้อโน้ตบุ๊กเครื่องที่ 2 ที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา ซึ่งเป็นตลาดโน้ตบุ๊กพรีเมียม เท่ากับเป็นการเข้ามากินตลาดกลุ่มพรีเมียมเดิมนั่นเอง

ผู้บริหารเออาร์บอกอีกว่า จากปัจจัยดังกล่าว ย่อมส่งผลให้ตลาดโน้ตบุ๊กพรีเมียมขายได้ยากมากขึ้น และทางออกหนึ่งของโน้ตบุ๊กแบรนด์หรูเหล่านี้ก็คือ การปรับระดับราคาลงมา ซึ่งเป็นระดับราคาที่ปรับลดลงอย่างที่ไม่เคยเห็นในตลาดมาก่อน

สอดคล้องกับความเห็นของแหล่งข่าวจากผู้เชี่ยวชาญบริษัทวิจัยไอทีชั้นนำอย่างไอดีซี ที่มองว่า ผลกระทบจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปและการเข้ามาของเน็ตบุ๊กมีส่วนทำให้ตลาดโน้ตบุ๊กพรีเมียมหดตัวลง ส่งผลให้ผู้ประกอบการโน้ตบุ๊กพรีเมียมมีการปรับราคาลงจากเดิม หรือแม้จะปรับราคา แต่สเปกก็ดีขึ้น แต่ถึงกระนั้นก็เชื่อว่าตลาดโน้ตบุ๊กพรีเมียมยังคงไม่ตาย เพียงแต่จะเติบโตแบบเมนเทน

ขณะผู้เชี่ยวชาญของบริษัทจีเอฟเค มาร์เก็ตติ้ง เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด ที่วิเคราะห์ว่า สัดส่วนตลาดโน้ตบุ๊กระดับบนปีนี้ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่มา เนื่องจากการปรับลดระดับราคาลงของผู้ประกอบการ จากภาวะสงครามราคา ทำให้โอกาสการขายโน้ตบุ๊กราคาแพงมีน้อย แต่เชื่อว่าตลาดกลุ่มนี้ไม่หาย เพราะยังมีกลุ่มที่ต้องการเพอร์ฟอร์มแมนซ์สูงๆ เช่น เกมเมอร์ เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ เป็นต้น แต่ก็เติบโตยากเช่นกัน  

“ฟูจิตสึ” เดินเกมปรับราคา
 
เกี่ยวกับเรื่องนี้นางสาววรสชา สาระสุรีย์ภรณ์ ผู้จัดการประจำสาขาประเทศไทย ฝ่ายผลิตภัณฑ์ พีซี บริษัทฟูจิตสึ ซิสเต็ม บิสสิเนส (ประเทศไทย) จำกัด แบรนด์ผู้ประกอบการโน้ตบุ๊กหรู ฟูจิตสึ ยอมรับว่า ไม่ปฏิเสธว่าปัจจัยดังกล่าวข้างต้นกระทบกับตลาดโน้ตบุ๊กพรีเมียมบ้าง แต่ไม่ได้ทำให้ตลาดเลวร้ายลงไปมากนัก
 
“แม้เน็ตบุ๊กจะดูดกำลังซื้อลูกค้ากลุ่มนี้ไปบ้าง แต่ด้วยความที่สินค้าไม่ได้ตอบสนองความต้องการลูกค้าจริง ทำให้สุดท้ายก็ต้องกลับไปหาโน้ตบุ๊กตัวใหม่ที่ฟลูฟังก์ชันมากขึ้น” นางสาววรสชา บอกถึงผลกระทบเน็ตบุ๊กที่ระยะยาวอาจกลายเป็นโอกาสในการทำตลาดของฟูจิตสึ
 
พร้อมกับเสริมให้ฟังถึงแนวทางการปรับตัวของฟูจิตสึด้วยว่า บริษัทได้มีการปรับราคาสินค้าลงมา แต่ทว่ายังอยู่ในระดับพรีเมียม โดยปัจจุบันราคาต่ำสุดอยู่ที่ 29,900 บาท สูงสุดอยู่ที่ 124,000 บาท ขณะเดียวกันจะเน้นเพิ่มนวัตกรรมใหม่ๆ ให้สินค้ากลุ่มที่ไม่ปรับลดราคามากขึ้น เพื่อเป็นเพิ่มมูลค่าและสร้างจุดต่างจากโน้ตบุ๊กระดับล่าง  

“โซนี่ “ไม่ลดราคา รุกเพิ่มฟีเจอร์สร้างแวลูสินค้า
ด้านผู้บริหารแบรนด์โน้ตบุ๊กระดับบนอย่างโซนี่ก็ยอมรับเช่นกันว่า ผลพวงจากปัจจัยต่างๆ ข้างต้นมีส่วนทำให้ตลาดโน้ตบุ๊กพรีเมียมได้รับผลกระทบบ้าง แต่ไม่มากนัก โดยนางสาวสมมุก เจียรสวัสดิ์วัฒนา ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ไอที แผนกไอที บริษัทโซนี่ ไทย จำกัด บอกว่า แม้สัดส่วนตลาดของโน้ตบุ๊กพรีเมียมในปีนี้จะลดลง แต่บริษัทก็ได้ส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มพรีเมียมเพิ่มขึ้น และยอดขายในครึ่งปีแรกก็เติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือ 50%

ทั้งนี้ เธอว่า เป็นผลมาจากตลาดโดยรวมมีการเติบโต ขณะเดียวกันผลจากการลงไปทำตลาดโน้ตบุ๊กระดับกลางถึงบนในระดับราคา 32,000 บาท ก็มีส่วนช่วยผลักดันให้โซนี่เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้มากขึ้นด้วย

แม้การลงไปเล่นในตลาดโน้ตบุ๊กระดับกลางถึงบนจะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้โซนี่ แต่หลังจากนี้ไปโซนี่ก็ยังไม่มีแผนที่จะส่งโน้ตบุ๊กระดับราคานี้หรือต่ำกว่านี้ลงมาทำตลาด แต่จะใช้การเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ เพื่อเพิ่มแวลลูให้กับสินค้ามากขึ้น โดยมีแผนที่จะเปิดตัวในอีก 1-2 เดือนนี้ในกลุ่ม”ดิจิตอล โฮม”

และบนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นข้างต้น  ผู้เชี่ยวชาญจากไอดีซีแนะทารอดและการปรับตัวว่า ไม่ควรแข่งด้วยราคา เพราะคงสู้โน้ตบุ๊กระดับล่างไม่ได้ แต่ต้องโฟกัสให้ชัดว่าจะเล่นในตลาดไหน อย่างเช่น ไลฟ์สไตล์โน้ตบุ๊ก เป็นต้น พร้อมกับสร้างความต่างด้วยการเพิ่มฟีเจอร์ รวมถึงเพิ่มระยะเวลาการรับประกัน สินค้าเพิ่มขึ้น เพราะมีส่วนสำคัญในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค เช่น จาก 1 ปี เป็น 3 ปี หรือจาก 3 ปี เป็น 5 ปี    

 

Source:  Business Thai


  •  
  •  
  •  
  •  
  •