นับเป็นเวทีที่คนสนใจกันทั่วประเทศ สำหรับงาน Bitkub Summit 2024 ในวันนี้ เพราะมีแมตช์หยุดโลก ที่คนตามมาดูกันแบบล้น ๆ โดยเฉพาะใน Session “Cash vs Stock vs Real Estate Investment” ที่มีคุณดิว วีรวัฒน์ วลัยเสถียร นักลงทุนขวัญใจคนรุ่นใหม่วัย 46 ปี และ ดร.โสภณ พรโชคชัย นักวิชาการด้านประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์วัย 66 ปี คู่ขัดแย้งที่เคยมีดราม่าระหว่างกันแบบสด ๆ ร้อน ๆ ขึ้นเวทีปะทะแนวคิดกัน โดยมีคุณ ซีเค แห่ง Fastwork มาร่วมให้ความเห็น และคุณหนุ่ย พงศ์สุข แห่งแบใต๋ เป็นพิธีกร
สะท้อนมุมลงทุนคนยุค Baby Boomers
ดร.โสภณ : มีจุดยืนสนับสนุนการลงทุนอสังหาฯ ไม่สนับสนุนให้คนเล่นหุ้นเล่นคริปโตฯ หวังรวยด้วยเวลาสั้น ๆ โดยตั้งประเด็นในจุดยืนของตัวเองว่า การจะมีอิสรภาพทางการเงินทำให้คนคาดหวัง Easy Money แต่การคาดหวังอย่างนี้ทำให้ใจร้อนพร้อมเสี่ยงกับ High Risk High Return เสี่ยงต่อการเจ๊งได้ โดยยกข้อมูลนักลงทุนใน Bitcoin มีแค่ 10% เท่านั้นที่ชนะ มี 70% ที่แพ้ มีแค่ 20% เท่านั้นที่เสมอตัว แนะนำให้สะสมทุน รอคอยเวลาและหาวิธีลงทุนในการทำธุรกิจ หรือลงทุนกับ “อสังหาฯ” ที่มี ROI เป็นค่าเช่า มูลค่าสูงขึ้น จับต้องได้ ไม่ใช่แค่นั่งจอ หากลงทุนในอสังหาดี ๆ เช่น ทำอพาร์ตเมนต์ขยายสาขาไปก็สามารถสร้างแบรนด์ มีทรัพย์สิน อสังหาที่สามารถนำไปขายธุรกิจด้วยมูลค่ามหาศาลต่อไปได้
มุมมองการลงทุนแบบคน Gen Y, Gen Z
ดิว วีรวัฒน์ : มีมุมแบบคน Gen Y มีจุดยืนแบบ “พ่อค้า” ที่มองโอกาสตลอดเวลาว่าอะไรเป็นโอกาสก็พร้อมจะเข้าไปในจุดนั้น ไม่ว่าจะเป็น “คริปโต” “หุ้น” หรือ แม้แต่ “อสังหา” แต่คุณดิว ตั้งประเด็นเรื่องการลงทุนอสังหาที่ตัวเองเคยทำอย่าง อพาร์ตเมนท์ ว่ามีปัญหาเรื่อง “การบริหารจัดการ” นั่นเป็นจุดเปลี่ยนของการเริ่มต้นเล่น “หุ้น” ที่ไม่ต้องมีปัญหาของการบริหารจัดการมาก “หุ้นปันผล” ที่เก็บ 5-7% ทุกปี โตช้าหน่อยแต่ได้แน่ หลังจากนั้นมองเห็นเลยว่าการลงทุนในหุ้นนั้นสบายกว่า ส่วนในเรื่องของ บ้านหรืออสังหาฯ นั้นก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละคน ขึ้นอยู่กับทำเล ที่ไม่ได้จะราคาขึ้นเสมอไป
ซีเค : มาในมุมของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะวลีเด็ดที่เคยพูดคือ “บ้านคือหนี้” โดยอธิบายว่า “หุ้น” มีการเติบโตมากกว่า “อสังหาริมทรัพย์” ซึ่งในอนาคตจะราคาลดลงเรื่อย ๆ เพราะจะมีบ้านที่ลูกหลานได้รับมรดกเข้าเทขายสู่ตลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่ความต้องการที่อยู่อาศัยไม่ได้มากเท่าเดิมทำให้ราคาร่วงลง ตัวอย่างนี้เกิดขึ้นแล้วที่ประเทศญี่ปุ่น ที่บ้านร้างเยอะ ขายไม่ได้ ไม่มีสภาพคล่อง ต่างจาก “หุ้น” ซื้อขายได้ตลอดเวลามีอิสระมากกว่า โดยเฉพาะ อสังหา หรือบ้าน ก็คือหนีสิ้น เช่นกันเพราะเราก็ต้องกู้ยืมมาแล้วผ่อนไปเรื่อย ๆ กรรมสิทธิยังเป็นของธนาคารอยู่
เวทีนี้นับเป็นอีกเวทีที่ทำให้เราได้เห็นมุมมองของการลงทุนจาก “แว่น” ของคนยุคเก่าอย่าง ดร.โสภณ ที่ปะทะกับ “แว่น” ของคนยุคใหม่อย่างคุณดิว และคุณซีเค ซึ่งคงจะไม่มีฝ่ายไหนถูกต้อง 100% แต่ก็อยู่ที่เราที่จะศึกษาสิ่งที่จะลงทุนให้ดีและมองเห็นความเสี่ยงให้ชัดเจนก่อนที่จะตัดสินใจนั่นเอง