กลายเป็นกระแสใหญ่ของอุตสาหกรรมสตรีมมิ่ง หลังจากที่ AT&T ยักษ์ใหญ่ด้านสื่อของสหรัฐอเมริกา ตัดสินใจประกาศควบรวมกิจการระหว่าง WarnerMedia เข้ากับ Discovery ถือว่าเป็นการชนศึกกับคู่แข่งรายอื่นๆ อย่าง Netflix และ Disney อย่างชัดเจน
มีรายงานน่าสนใจของ The Financial Times ที่บอกว่า การควบรวมธุรกิจครั้งใหม่นี้ จะแยกตัวออกจากบริษัท AT&T อย่างเป็นทางการ ซึ่งมีการประเมินว่า มูลค่าธุรกิจของ 2 ยักษ์ใหญ่ด้านคอนเทนต์นี้รวมกันน่าจะมากถึง 150 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดย AT&T จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 71% และDiscovery ถือหุ้น 29%
ทั้งนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยชื่อบริษัทใหญ่ จนกว่าจะได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลข้อตกลงนี้อย่างเป็นทางการอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะปิดดีลนี้ได้ในช่วงกลางปี 2022
สำหรับธุรกิจในเครือของ AT&T เช่น
- CNN
- HBO
- Warner Bros
ส่วนช่องที่มีอยู่ใน Discovery เช่น
- Animal Planet
- TLC
- Discovery Channel
สำหรับงบประมาณในแต่ละปีที่ใช้จ่ายไปกับการผลิตคอนเทนต์ เมื่อเทียบกันแล้ว WarnerMedia กับ Discovery ที่ใช้จ่ายร่วมกันอยู่ที่ประมาณ 20 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับ Netflix ที่ใช้จ่ายประมาณ 17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี
ทั้งนี้ David Zaslav ซีอีโอของ Discovery ได้ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ประเมินว่า หาก 2 บริษัทควบรวมกันแล้วคาดว่า จะมียอด subscribers เพิ่มเป็น 400 ล้านราย จากเดิมที่มีประมาณ 100 ล้านรายในปัจจุบัน
หากดูจากฐานสมาชิกของแต่ละบริการสตรีมมิ่งต้องบอกว่า อุตสาหกรรมนี้เดือดแน่ๆ อย่างน้อยๆ ต้องไม่ใช่แค่การแข่งขันที่จำนวนการผลิตคอนเทนต์ย่างเดียวแล้ว แต่ต้องหมายถึงงบสำหรับคุณภาพ และความหลากหลายของคอนเทน์ด้วย
-
HBO Max มีสมาชิกประมาณ 64 ล้านคนทั่วโลก
-
Discovery มีช่องทีวีในสหรัฐฯ และมีฐานลูกค้ากว่า 88 ล้านคน
-
Discovery+ (เปิดตัวต้นปี 2021) มีสมาชิกประมาณ 15 ล้านคน
-
Netflix ที่มีสมาชิกทั่วโลกประมาณ 208 ล้านคน
-
Disney+ จำนวนสมาชิกทะลุ 100 ล้านคน (หลังจากที่เปิดตัวได้แค่ 1 ปีครึ่ง)
ที่มา: cnbc