สรุปมาให้!!! แฟรนไชส์อาหารไทยจานด่วนน้องใหม่ ‘อร่อยดี’กับเงินลงทุน 1.3 ล้านบาท ทำรายได้ 4-4.5 แสนบาท/เดือน และผลกำไร 17%

 

ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ภาวะเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาลง และอะไร ๆ ก็ไม่แน่นอน ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ของใครหลาย ๆ คน และหนักสุดถึงขั้นต้องตกงานกันเลยทีเดียว ดังนั้น การมองหาอาชีพเสริมด้วยการเป็นเจ้าของกิจการเอง จึงเป็นทางเลือกที่หลายคนพยายามมองหา และนั่นก็เป็นโอกาสทองให้หลายธุรกิจหันมาเปิดแฟรนไชส์มากขึ้นในช่วงนี้

รวมถึง ‘อร่อยดี’ (Aroi Dee) ร้านอาหารไทยจานด่วนของ ‘เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป’ หรือ ‘CRG’ ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2562 ภายใต้สโลแกน ‘รสชาติคุ้น อิ่มครบ จบทุกมื้อ’ ซึ่งตอนนี้มีสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑลรวม 20 สาขา หลัก ๆ อยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก โดยล่าสุดอร่อยดีได้ประกาศเปิด Business Model ในรูปแบบของแฟรนไชส์เช่นกัน

 คุณสมบัติผู้ลงทุนและค่าแฟรนไชส์ ‘อร่อยดี’เป็นอย่างไร?

เงื่อนไขการลงทุน ประกอบด้วย งบค่าก่อสร้าง และเงินลงทุน 1.3 ล้านบาท , เงินมัดจำค่าเช่า ค่าใช้จ่ายเตรียมเปิดร้าน และเงินหมุนเวียน 0.6 ล้านบาท , ค่าธรรมเนียมแรกเข้า (Franchise Fee) 400,000 บาท , เงินประกันวัตถุดิบ 50,000 บาท , Royalty Fee + Marketing Fee 4% + 1% ต่อยอดขาย , อายุสัญญา 6 ปี และมีจำนวนพนักงาน 6 คนต่อสาขา

ขณะที่ขนาดของร้านแฟรนไชส์นั้นมีให้เลือกตั้งแต่ 50-70 ตร.ม. ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ผู้สนใจลงทุนมีบวกกับการพิจารณาจากศักยภาพของทำเล ซึ่งทำเลเป้าหมายของการเปิดร้าน จะเป็นทำเลที่เดินทางสะดวกสบาย ทั้ง Non Mall, Residential Area , Stand alone  ที่อยู่ในแหล่งชุมชนต่าง ๆ  อาทิ โรงเรียน หมู่บ้าน ฯลฯ  เบื้องต้นโฟกัสในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล

สำหรับเมนูที่ขายจะมีด้วยกัน 30 เมนูหลัก ราคาเริ่มต้นที่ 45 บาท ได้แก่ โจ๊ก , เมนูกระเพราเริ่มต้น 75 บาท เป็นต้น โดยตั้งเป้าไว้ว่า ภายใน 5 ปี อร่อยดีจะมีสาขา 300 แห่ง แบ่งเป็นของ CRG 75 สาขา และแฟรนไชส์ 225 สาขา

ส่วนคุณสมบัติของผู้ซื้อแฟรนไชส์ 1.ต้องรัก และเข้าใจเอกลักษณ์ของ ‘อร่อยดี’ ซึ่งสำคัญมาก ๆ ต่อการทำธุรกิจร่วมกัน เพราะหากไม่รักและเข้าใจจะเดินต่อไปด้วยกันยาก 2.จดทะเบียนนิติบุคคล เจ้าของกิจการ หรือผู้บริหารอายุไม่ต่ำกว่า 30 ปี 3. มีประสบการณ์ในการบริหารธุรกิจอย่างน้อย 2 ปี หากมีประสบการณ์เกี่ยวกับ F&B จะได้รับพิจารณาพิเศษ(ข้อดีจะทำให้ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น)

4.มีทำเลเป้าหมาย และอาศัยอยู่ในทำเลนั้น โดยในส่วนนี้ทางทีม CRG จะมีการประเมินถึงศักยภาพในทำเลก่อน เพื่อประกอบการตัดสินใจ 5.มีทัศนคติดี มนุษย์สัมพันธ์ดี และรักการบริการ 6.เงินทุนเพียงพอในการดำเนินงาน (เงินทุนประมาณ 2 – 3 ล้านบาท) 7. มุ่งมั่นทุ่มเทพร้อมทำงานตามระบบงานและมาตรฐานของ CRG

คุ้มค่าแค่ไหนหากลงทุน?

ธนพล ธรรพสิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายปฏิบัติการ CRG บอกว่า แฟรนไชส์อร่อยดีจะคืนทุนภายใน 2 ปี และประมาณการยอดขายต่อเดือนไว้ที่ 400,000-450,000 บาท มีต้นทุนอาหาร 38-40% และคาดว่า จะทำผลกำไรให้ 17% ซึ่งเป็นการทำกำไรในระดับกลาง ๆ

   แล้วทำไมต้องลงทุนในแฟรนไชส์อร่อยดี!!

1.ด้วยจุดแข็งของ CRG ที่ดำเนินธุรกิจด้านอาหารมา 42 ปี มีแบรนด์ในเครือมากมายทั้งแบรนด์จากต่างประเทศและแบรนด์ของตัวเอง อาทิ Mister Donut , KFC, Auntie Anne’s , Chabuton , The Terrace , Yoshinoya ฯลฯ โดยทั้งหมดมีระบบจัดการแบบมืออาชีพ ดังนั้นคนที่ซื้อแฟรนไชส์อร่อยดี จะได้รับการดูแลและสนับสนุนธุรกิจอย่างใกล้ชิดด้วยมาตรฐานระดับโลกเช่นกัน

2.ทีมวิจัยและพัฒนาเมนูอาหาร ระบบการขนส่ง และการสนับสนุนจากกลุ่มธุรกิจในเครือเซ็นทรัลที่จะช่วยแฟรนไชซีส์ให้สามารถแข่งขันกับแบรนด์อื่นได้

3.CRG จะส่งทีมไปดูแลตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจ และจนกว่าจะประสบความสำเร็จในการขาย ตั้งแต่การช่วยวิเคราะห์ทำเลที่ตั้ง , การวางแผนกลยุทธ์การตลาดและส่งเสริมการขาย กระตุ้นยอดขาย เป็นต้น

4. CRG มีการเปิด Cloud Kitchen และยังมีแบรนด์ที่มาเป็นพาร์ทเนอร์ในการนำสินค้ามาขายภายใต้แบรนด์อร่อยดี อาทิ เจ๊เกียง โจ๊กกองปราบ,โตเกียว โบวล์ และ เจ๊เกียงหมูทอด ข้าวเหนียวนุ่ม เป็นต้น ทำให้สินค้ามีวาไรตี้และหลากหลาย ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสทางการขาย โดยเฉพาะในส่วนของเดลิเวอรี่ที่ปัจจุบันสร้างยอดขายให้กว่า 70%

อย่างที่ทราบกันดีว่า ‘อาหาร’ เป็น 1 ในปัจจัย 4 ของการดำรงชีวิตที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คนก็ยังต้องกิน ดังนั้นธุรกิจด้านนี้จึงเป็นอะไรที่น่าสนใจ โดยข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ธุรกิจร้านอาหารในปี 2563 จะมีมูลค่ารวมประมาณ 3.85-3.89 แสนล้านบาท ลดลง 9.7-10.6% เมื่อเทียบจากปี 2562 ขณะที่อาหารไทยจานด่วนนั้นคาดว่า มีมูลค่าอยู่ราว 1 แสนล้านบาท และยังมีการเติบโตที่ดี