“ถึงเวลาพิสูจน์ในสิ่งที่ผมโม้ไว้ทั้งเรื่อง transformation, disruption ว่า ผมทำได้หรือไม่” อริยะ พนมยงค์ ความท้าทายในบทผู้นำทัพช่อง 3

  • 1.1K
  •  
  •  
  •  
  •  

ได้เวลาเสือออกจากถ้ำ ‘อริยะ พนมยงค์’ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท บีอีซีเวิล์ด จำกัด(มหาชน) ได้เปิดใจอย่างเป็นทางการครั้งแรก ถึงสาเหตุในการเข้ามารับตำแหน่งครั้งนี้ รวมไปถึงอีกหลายประเด็นที่น่าสนใจ อาทิ การพลิกฟื้นให้ช่อง 3 กลับมาผงาดอีกครั้ง , การดึงคนจาก LINE มาเสริมทัพ , ความท้าทายที่ต้องเผชิญกับบทบาทใหม่นี้ ฯลฯ

 “ผมรู้ว่า มีหลายคนสนใจกับการตัดสินใจย้ายจาก  LINE มาช่อง 3 และผมต้องขอโทษด้วยที่ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมาพูดอะไรมากไม่ได้ แต่ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว” เป็นประโยคทักทายของอริยะกับสื่อมวลชน รวมถึง Marketing oops ด้วย

3 เหตุผลที่ตัดสินใจย้ายมารับหน้าที่แม่ทัพช่อง 3

การมานั่งในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการ บีอีซีเวิล์ด ทางอริยะเล่าว่า มาจากการชักชวนของ Headhunter ที่รู้จักกัน ซึ่งมีการพูดคุยกันหลายเดือน และยอมรับว่า ครั้งนี้ถือเป็น ‘การตัดสินใจครั้งใหญ่’ สำหรับเขา โดยเหตุผลมาจาก 3 ข้อหลัก

1.ตนเองมีแนวคิดสวนทางกับคนอื่น คือ คนส่วนใหญ่จะมีเป้าหมายไปที่บริษัทระดับโกลบอล แต่ตนเองเริ่มต้นจากบริษัทโกลบอล มาบริษัทในเอเชีย และตอนนี้อยากช่วยบริษัทไทย แล้วทำไมต้องเป็นช่อง 3 เพราะอริยะบอกว่า จากประสบการณ์ก่อนหน้านี้ที่เคยทำทั้ง YouTube และ LINE TV ทำให้มีความใกล้ชิดและเข้าใจในธุรกิจคอนเทนท์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของช่อง 3 เป็นอย่างดี รวมถึงทราบถึงพฤติกรรมผู้บริโภคว่า ชอบคอนเทนท์แบบไหน จึงไม่ใช่ปัญหา หากย้ายมารับตำแหน่งผู้บริหารที่นี่

2.มั่นใจใน Asset ของช่อง 3 ที่มีคุณค่าและแข็งแรง นั่นคือ คอนเทนท์และทรัพย์สินทางปัญญา หรือ IP (Intellectual Property) ทั้งตัวละครและนักแสดงต่าง ๆ ที่สามารถนำขยายหรือต่อยอดได้อีกมากมาย

3.นิสัยส่วนตัวชอบความท้าทาย โดยอริยะเล่าว่า ช่วงที่ต้องเข้าไปคุยกับทาง BEC เป็นครั้งแรกนั้น เขาทำการบ้านไปเยอะในการหา case study ว่า มีทีวีที่ไหนในโลกที่มีการทรานฟอร์มแล้วประสบความสำเร็จ คำตอบที่เขาค้นพบ คือ ไม่มี! จึงเป็นความท้าทายที่อยากทำให้สำเร็จและนำไปคุยกับผู้บริหารและบอกว่า “ถ้าทำได้ช่อง 3 จะเป็นที่แรก ที่สามารถสร้างปรากฏการณ์นี้”

“อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ คือ ครอบครัวมาลีนนท์ ผู้ก่อตั้งและถือหุ้นใหญ่ ที่พร้อมเปิดโอกาสให้บริหาร และเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ เพราะธุรกิจครอบครัวอย่างที่รู้ ๆ กัน ทำให้น่าสนใจไปอีก ส่วนกรณีการดึงคนจาก LINE มาเสริมทัพนั้น จะเห็นในอีกไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้า โดยคนที่จะดึงมาเป็นคนที่รู้ฝีมือกันอยู่ และต้องเข้ามาเสริมศักยภาพและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ตามทิศทางที่ช่อง 3 จะเดินไปในอนาคต มากกว่ามาทำหน้าที่ทับซ้อนกับคนเดิมที่มีอยู่”

วาง 6 เสาหลัก คืนฟอร์มช่อง 3

แน่นอนสิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ก็คือ จะทำอย่างไรให้ช่อง 3 กลับมากำไร หลังจากปี 2561 ต้องตกอยู่ในภาวะขาดทุนในรอบ 49 ปี โดยผลประกอบการปี 2561 ขาดทุนที่ 330 ล้านบาท  และไตรมาสแรกปี 2562 ยังขาดทุนอยู่อีก 128 ล้านบาท

โดยแผนขับเคลื่อนให้ช่อง 3 กลับมาผงาดอีกครั้ง อริยะจะดำเนินการภายใต้กลยุทธ์ 6 เสาหลัก (strategic pillars)  ซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ จากการพึ่งพารายได้จากโฆษณาเพียงอย่างเดียว รวมถึงเป็นการเปิดโอกาสในการสร้างการเติบโตและรายได้ที่เกิดขึ้นจากโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ  ที่ยังคงยืนอยู่บนธุรกิจหลักของตนเอง นั่นคือ คอนเทนท์ และ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ประกอบด้วย

TV Plus การผสมผสานให้สื่อออฟไลน์และออนไลน์เดินไปด้วยกัน เพราะเป็นช่องทางที่เกื้อหนุนกัน และสำหรับความเชื่อที่ว่า OTT จะมา Disrupt หรือฆ่าสื่อทีวีนั้น ความจริงทั้งสองแพลตฟอร์มเป็นพาร์ทเนอร์กัน เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเป็นช่อง 3 หรือ OTT ลูกค้าก็คือคนกลุ่มเดียวกัน เนื่องจากพฤติกรรมของคนยุคนี้นิยมดูหลายจอ แต่คอนเทนท์ยังคงเดิม ดังนั้น จึงต้องผสมผสานให้ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ไปด้วยกัน ด้วยการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ สำหรับสร้างรายได้และกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ

Distribution หรือช่องทาง โดยใช้คอนเทนท์และเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ซึ่งธุรกิจหลักของช่อง 3 ขยายไปสู่แพลตฟอร์มที่หลากหลาย ทั้งทีวี , ออนไลน์ และ OTT ที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะในประเทศเท่านั้น ยังต้องขยายไปในตลาดต่างประเทศด้วย

ทรัพย์สินทางปัญญา หรือ IP (Intellectual Property) เพราะตั้งแต่ช่อง 3 ก่อตั้งมารวมเวลา 49 ปี มี IP จำนวนมาก โดยเฉพาะ ‘ตัวละคร’ ยกตัวอย่างเช่น บุพเพสันนิวาส ละครที่ฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง ก็มีหลายแบรนด์หรือหลายองค์กร นำตัวละครในเรื่องนี้ไปทำการตลาด จึงมองว่า IP เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจสำหรับการเพิ่มรายได้

กลุ่มศิลปินและดาราในสังกัด ด้วยการนำ Asset นี้ที่ถือว่า สำคัญไปขยายและต่อยอด เพื่อเพิ่ม Value อาทิ นำกลุ่มศิลปินและนักแสดงเหล่านี้ไปแสดงหรือร่วมงานกับพาร์ทเนอร์ทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น เป็นต้น

Content นอกจาก ‘ละคร’ คอนเทนต์ที่โดดเด่นและทำรายได้หลักให้ทางช่อง 3 แล้ว ยังเตรียมจะกลับมาโฟกัสคอนเทนท์ประเภท ‘ข่าว’ ให้มากขึ้น เนื่องจากเป็นอีกคอนเทนท์ที่ช่อง 3 เคยท็อปฟอร์มและสามารถทำรายได้ให้กับทางช่องได้ดี

Technology เป็นทิศทางที่ไม่ไปไม่ได้ เพราะถือเป็นอนาคตของช่อง 3 แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้มากนัก

ทั้งนี้ กลยุทธ์ 6 เสาหลัก จะเริ่มดำเนินการในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ เพื่อจัดทัพและเดินต่อ ซึ่งสิ่งที่สามารถทำได้เร็ว คือ แพลตฟอร์มออนไลน์ และการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในตลาดโลก เพราะเป็นสิ่งที่ช่อง 3 มีอยู่แล้ว และมีทิศทางเติบโตชัดเจน โดยการขยายธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ทั้งหมดนี้ จะสร้างรายได้ให้ไม่น้อยกว่า 10% ในอีก 4-5 ปีข้างหน้า

บทพิสูจน์ฝีมือครั้งใหม่ที่ท้าทายและไม่ง่ายจะสำเร็จ

“เป้าหมายของเรา คือ เป็นที่ 1 แต่ที่ 1 ในที่นี้ ไม่ใช่ในโลกของทีวีอีกต่อไป ผมไม่ได้บอกว่า ไม่ได้มองคู่แข่ง แต่เราจะมองในมิติที่ต่างจากเดิม เพราะการวางกลยุทธ์ทั้ง 6 เสาหลัก ก็เพื่อให้ช่อง 3 ไปไกลกว่านั้น ซึ่งช่อง 3 ต้องทำให้ได้ รวมถึงองค์กรอื่น ๆ ด้วย เพราะตอนนี้เรื่องดิสรัปชั่นทุกคนเห็นแล้ว และแทบไม่มีข้อสงสัยเลยว่า ทุกที่ต้องทรานฟอร์ม

ตลอด 7-8 ปีที่ผ่านมา ผมพูดบนเวทีเรื่อง transformation และ disruption มามาก ตอนนี้ถึงเวลาพิสูจน์แล้วว่า สิ่งที่โม้ไว้ ผมทำได้หรือไม่ และการมา transformation องค์กรที่ถือเป็น ICON ของแวดวงธุรกิจ มีอายุมานาน 49 ปี ให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง เป็นโจทย์ที่ท้าทายและรู้สึกสนุก แต่ยอมรับไม่ใช่เรื่องง่าย”

ความท้าทายหนึ่งที่ต้องเผชิญ ก็คือ ความแตกต่างขององค์กร ยกตัวอย่างองค์กรที่เคยบริหารมาทั้ง Google และ LINE ล้วนมีความแตกต่างจากช่อง 3 ซึ่ง 2 บริษัทแรกเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่เริ่มต้นจากศูนย์ สามารถทำอะไรได้ง่ายกว่า หากเปรียบเป็นบ้าน ก็เหมือนบ้านที่มีพื้นที่โล่ง ๆ อยากทำ อยากตกแต่งอย่างไรก็สามารถทำได้ ไม่มีความกดดัน

ขณะที่ ช่อง 3 เป็นบ้านที่สร้างมานาน 49 ปี มีอะไรเต็มไปหมด มีคนอาศัยอยู่แล้วตั้ง 1,700 คน แต่ข้อดี คือ คนทั้งหมดรักบ้านของตนเอง จึงพร้อมที่จะทำให้บ้านที่อาศัยอยู่ดูดีและแข็งแรง

อย่างไรก็ตาม อุปสรรคที่ต้องเจอเมื่อต้องเปลี่ยนแปลง ก็คือ ความคุ้นเคยแบบเดิม ๆ และกลัวการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติของคน ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำ คือ ต้องสร้างกลไกให้ทุกคนเห็นว่า ‘การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องที่ดี และไม่ดีเฉพาะต่อองค์กร แต่หมายถึงคนในองค์กรด้วย’

“ยอมรับว่า การพลิกฟื้นช่อง 3 ให้กลับมายิ่งใหญ่เหมือนเมื่อก่อนเป็นความท้าทาย และไม่ใช่เรื่องง่าย ผมเองก็ไม่กล้ารับประกันว่า ทำได้หรือไม่ และเชื่อว่า คนที่อยู่ในจุดนี้ก็ไม่มีใครรับปาก แต่ถามว่า เห็นหนทางหรือไม่ คำตอบคือ เห็น ซึ่งผมตั้งเป้าว่า ต้นปี 2563 จะเริ่มเห็นในสิ่งที่ทำให้ส่งผลให้ช่อง 3 มีทิศทางดีขึ้นในเรื่องรายได้ อย่างน้อย ๆ คือ ไม่ขาดทุน”


  • 1.1K
  •  
  •  
  •  
  •