หลังจาก Apple ต้องเจอกับศึกหนัก เพราะบริษัทชิปเซ็ตสมาร์ทโฟน Qualcomm ได้ยื่นฟ้องร้องต่อสารว่า Apple ได้ทำการละเมิดสิทธิบัตรของบริษัท จำนวน 3 ใบ โดยรุ่นสมาร์ทโฟนที่ทำการละเมิด ได้แก่ iPhone 7, iPhone 7 Plus, iPhone 8, iPhone 8 Plus และ iPhone X แต่เพื่ออนาคตทางธุรกิจของ Apple จึงยื่นข้อเสนอแก่ Qualcomm คือการยอมจ่ายเงินกว่า 6,000 ล้านดอลลาร์ ขอยุติการฟ้องร้องทั้งหมดและขอใช้ชิปเซ็ต Modem 5G เพื่อที่จะสามารถแข่งขันกับสมาร์ทโฟนค่ายอื่นๆ ที่กำลังจะเปิดตัวรุ่น 5G เร็วๆ นี้ได้
ล่าสุด Apple ได้เตรียมการดีลกับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจชิปเซ็ตอย่างลับๆ กับ Intel มีรายว่า Apple จะยอมทุ่มเงินกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ ในการซื้อธุรกิจรวมถึงสิทธิบัตรและพนักงาน ซึ่งแน่นอนว่าหากดีลสำเร็จ Apple จะสามารถพัฒนาชิปเซ็ต Modem 5G ของตนเองได้ และอาจไม่ต้องเพิ่งพา Qualcomm ในอนาคตอีกต่อไป
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่าง Apple กับ Intel นั้น ครั้งหนึ่ง Apple เคยเบือนหน้าหนีจาก Qualcomm ในช่วงคดีความ เพื่อไปซบไหล่กับ Intel หวังใช้ชิปเซ็ต Modem 5G แทนค่ายเดิม แต่ดูเหมือน Intel จะไม่สามารถผลิตชิปที่รองรับ 5G ได้ทันตามระยะเวลาที่ Apple ต้องการ และนี่อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ Apple ยอมเสียเงินจำนวนมากเพื่อกลับไปหาทาง Qualcomm
ช่วงเปิดตัว iPhone ครั้งแรก Apple เคยใช้โมเด็มจากบริษัทเยอรมัน Infineon ก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้ชิปเซ็ตของ Qualcomm ในปี 2011 แทน ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันกับที่ Intel ได้เข้าซื้อ Infineon
ด้าน Intel ก็ดูมีทีท่าว่าอาจจะขายธุรกิจชิปเซ็ตให้กับทาง Apple โดยกล่าวว่า ได้มีการว่าจ้างที่ปรึกษาจากภายนอก เพื่อช่วยในการประเมินทางเลือกเชิงกลยุทธ์ สำหรับธุรกิจโทรศัพท์ 5G และการตัดสินใจทั้งหมดจะต้องเป็นผลประโยชน์ที่สำคัญสำหรับทางบริษัทและพนักงานทุกคน
อย่างไรก็ตาม มีนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า Apple อาจผลิต iPhone รุ่น 5G ไม่ทันตามที่กล่าวแม้จะมีความช่วยเหลือจาก Qualcomm ในขณะที่ค่ายจากฝั่ง Android ไม่ว่าจะเป็น Samsung, Huawei, LG, OnePlus, Lenovo, Motorola, ZTE, Xiaomi และ Oppo ได้ประกาศแล้วจะปล่อยมือถือรุ่น 5G ภายในปี 2020 ซึ่งผู้ให้บริการเครือค่ายอินเทอร์เน็ต Verizon, AT&T, Sprint และ T-Mobile ก็เริ่มให้บริการ 5G แล้วในบางพื้นที่ในสหรัฐฯ
ภาพ : TechCrunch