จับเทรนด์ ‘โปรตีนทางเลือก’ Future of Food กับการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่

  • 957
  •  
  •  
  •  
  •  

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเราได้เห็นกระแสความแรงของ ‘เนื้อเทียม’ (meat analogue) หรือ ‘โปรตีนทางเลือก’ (alternative protein) หลากหลายชนิดที่เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งจากผู้บริโภคและอุตสาหกรรมอาหาร จนโปรดักท์เหล่านี้ถูกขนานนามว่า เป็น Future of Food  อาหารแห่งอนาคต

แล้วทำไมโปรตีนทางเลือกจึงเป็นเทรนด์ใหม่ที่มาแรง?

KKP Research โดยเกียรตินาคินภัทร วิเคราะห์ว่า กระแสของโปรตีนทางเลือกได้รับความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศตะวันตกที่เริ่มมีการใช้เนื้อเทียมในเครือร้านอาหารขนาดใหญ่อย่าง McDonald’s, Burger King, Starbucks, และ KFC ด้วยเหตุผลจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น มีความตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความตื่นตัวด้านความยั่งยืนที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับข้อจำกัดด้านทรัพยากรที่ใช้ในกระบวนการผลิตอาหารภายใต้การเพิ่มขึ้นของประชากรโลก

ตลอดจนวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงทางโภชนาการ ทำให้โปรตีนทางเลือกไม่ใช่เป็นเพียงแค่กระแสในสื่อสังคมออนไลน์เท่านั้น แต่อาจจะก้าวขึ้นมาเป็นอาหารแห่งอนาคต (future food) ที่จะพลิกโฉมอุตสาหกรรมอาหารในอนาคตอันใกล้

โปรตีนทางเลือกมีอะไรบ้าง

1.‘Plant-based protein – โปรตีนที่ทำมาจากพืช’

ปัจจุบันมีโปรตีนทางเลือกที่ออกสู่ตลาดแล้วอยู่หลากหลายชนิด ส่วนใหญ่ยังคงเป็นประเภทโปรตีนที่ทำมาจากพืช หรือ plant-based protein ซึ่งนอกเหนือจากอาหารประเภทเต้าหู้ที่คนไทยนิยมรับประทานกันอยู่แล้วนั้น ยังมีผลิตภัณฑ์โปรตีนและเนื้อเทียมที่ทำมาจากพืชชนิดอื่น ๆ ส่วนใหญ่มักทำมาจากถั่วชนิดต่าง ๆ

ส่วนจุดขายหลักที่ทำให้เนื้อเทียมที่ทำจากพืชเหล่านี้ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภคในต่างประเทศ ก็คือ รสชาติและเนื้อสัมผัสที่คล้ายกับเนื้อสัตว์จริง ๆ ซึ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคส่วนหนึ่งที่ยังต้องการรับประทานเนื้อสัตว์แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องการบริโภคในรูปแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ตอนนี้เนื้อเทียมที่ทำมาจากพืชที่เริ่มได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในประเทศตะวันตกมาจาก 2 บริษัทที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภทนี้โดยเฉพาะ ได้แก่ Beyond Meat และ Impossible Foods ความสำเร็จของบริษัทสตาร์ทอัพทั้งสองรายนี้ทำให้บริษัทอาหารยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Nestle และ Cargill เริ่มเข้ามาทำตลาดนี้

สำหรับในประเทศไทย เริ่มเห็นบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมอาหารต่าง ๆ เข้ามาทำตลาดกันอย่างจริงจังมากขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง CP Foods และ Thai Union หรือบริษัทขนาดกลางอย่าง NR Instant Produce และสตาร์ทอัพอย่าง Let’s Plant Meat และ More Meat

2.‘Lab-grown หรือ Cultured meat – เนื้อที่ถูกพัฒนาขึ้นจากเซลล์ของสัตว์จริง ๆ’

เทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้นทำให้เริ่มมีการพัฒนาเนื้อสัตว์เทียมอีกชนิดหนึ่งที่เหมือนกับเนื้อสัตว์จริงมากขึ้น คือเนื้อที่ถูกพัฒนาขึ้นจากเซลล์ของสัตว์จริง ๆ หรือที่เรียกกันว่า lab-grown หรือ cultured meat ด้วยกระบวนการผลิตจากการเพาะเซลล์ให้โตขึ้นมาภายในห้องปฏิบัติการ กลายมาเป็นเนื้อที่ประกอบไปด้วยไขมัน กล้ามเนื้อ และเนื้อแดงของสัตว์ที่เกิดจากการเพาะเลี้ยงเซลล์ที่สามารถนำมาปรุงอาหารรับประทานได้ ผลลัพธ์คือเนื้อสัตว์ที่เหมือนเนื้อสัตว์จริงแต่ไม่ได้มาจากการเลี้ยงและฆ่าสัตว์  ในปัจจุบันต้นทุนการผลิต cultured meat ยังสูงมาก แต่ก็มีแนวโน้มลดลงมาอย่างรวดเร็ว และในอนาคตอีกไม่ไกลต้นทุนการผลิตน่าจะลดลงมาอยู่ในระดับที่จะทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากเข้าถึงได้

3.‘Insect protein – โปรตีนที่มาจากแมลง’

สำหรับหลายๆ คน การรับประทานแมลงอาจฟังดูไม่น่าเจริญอาหารมากนัก แต่หากพิจารณาในแง่คุณสมบัติทางโภชนาการ โปรตีนที่มาจากแมลงตอบโจทย์เรื่องความยั่งยืนได้เป็นอย่างดี ผลิตภัณฑ์จากแมลงที่เริ่มออกสู่ตลาดแล้ว คือโปรตีนชนิดผงที่สกัดมาจากแมลงซึ่งผู้บริโภคสามารถนำไปผสมกับอาหารอื่น ๆ เพื่อเพิ่มโปรตีนได้ แม้ว่าโปรตีนที่มาจากแมลงอาจจะยังต้องใช้เวลากว่าจะได้รับการยอมรับในวงกว้าง แต่ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับผู้บริโภค

นอกจากนี้ ยังมีโปรตีนทางเลือกที่เรียกว่า Mycoprotein ที่ได้จากการหมักบ่มจุลินทรีย์กินได้ และนำมาขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารต่าง ๆ ทดแทนเนื้อสัตว์ ความน่าสนใจของโปรตีนทางเลือกชนิดนี้ คือ มีส่วนช่วยลด ‘ปัญหาขยะอาหาร’ (food waste) เพราะส่วนเกินจากการผลิตอาหาร เช่น ขอบหรือเศษขนมปังจากโรงงานที่ถูกตัดทิ้ง แป้งที่เหลือจากการทำเบเกอรี่ต่าง ๆ หรือของเหลือจากฟาร์มผักก็สามารถนำมาใช้เป็นสารตั้งต้นของกระบวนการหมักเพื่อสร้างโปรตีนเนื้อสัตว์เทียมได้ทั้งสิ้น

อย่างไรก็ดี ความรู้สึกที่ว่าของที่ทำมาจากการหมักเชื้อราอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ อาจทำให้โปรตีนทดแทนประเภทนี้ยังต้องใช้เวลากว่าที่จะเปลี่ยนความรับรู้และสร้างการยอมรับจากผู้บริโภค

โปรตีนทางเลือก…โอกาสใหม่ทางธุรกิจ

 

โปรตีนทางเลือกมีแนวโน้มได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในอนาคต จะสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจให้กับอุตสาหกรรมอาหาร รวมทั้งผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ในปัจจุบัน ในระยะสั้นถึงระยะกลาง โดยผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเนื้อสัตว์อาจยังไม่มากนักในแง่ยอดขายและรายได้ที่ลดลง เนื่องจาก ตลาดการบริโภคโปรตีนทางเลือกยังมีขนาดเล็ก โดยปัจจุบันคิดเป็นประมาณ 2.5% เมื่อเทียบกับขนาดของอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์

อย่างไรก็ดี จากการคาดการณ์ว่าโปรตีนทางเลือกทดแทนเนื้อสัตว์จะเป็นที่ต้องการมากขึ้นด้วยเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์จำเป็นต้องหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือกเพื่อลดผลกระทบและสร้างโอกาสทางธุรกิจจากเทรนด์อาหารแห่งอนาคตที่จะมาแรงขึ้นเรื่อย ๆ

 

นั่นเพราะมีการประเมินว่า ปัจจุบันตลาดโปรตีนทางเลือกมีขนาดอยู่ที่ 35,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คาดว่าจะเติบโตขึ้นเกือบเท่าตัวภายในเวลา 5 ปีจากนี้ ไปอยู่ที่กว่า 68,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯภายในปี 2025 และมีการประเมินว่าขนาดของตลาดโปรตีนทางเลือกจะโตขึ้นจนกลายเป็นสัดส่วนถึง 1 ใน 3 ของการบริโภคโปรตีนทั้งหมดในตลาดโลกภายในปี 2050 หรือมีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับในไทย 2-3 ปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการของไทยเองก็ได้เล็งเห็นความสำคัญของสินค้าโปรตีนจากพืชมากขึ้น โดยมีบริษัท More Meat ที่ใช้วัตถุดิบที่สามารถปลูกขึ้นได้เองอย่างเห็ดแครง และ Let’s Plant Meat ที่ใช้ส่วนผสมจากพืชหลายชนิด ทั้งถั่วเหลือง ข้าว มะพร้าว และบีทรูท มาแปรรูปเป็นโปรตีนทางเลือกและเนื้อสัตว์เทียม

ขณะที่บริษัทผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ของไทยได้เร่งศึกษาและวิจัยพัฒนา และทยอยเปิดตัวสินค้าประเภทนี้ออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคงต้องจับตาดูพัฒนาการของธุรกิจใหม่นี้ที่กำลังจะปฏิวัติอุตสาหกรรมอาหารโลก และสร้างโอกาสใหม่ให้กับธุรกิจการเกษตรและอาหารของไทยที่พร้อมปรับตัว เพื่อก้าวไปให้ทันกับโลกแห่งอนาคตที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้

 

 


  • 957
  •  
  •  
  •  
  •