มันคือหลักการง่ายของการโฆษณา สื่อใดที่มีผู้ติดตามหรือคนดูมากที่สุด ซึ่งวัดผลได้จาก Rating หรือ Engagement โฆษณาที่ลงไปในสื่อนั้นก็จะสามารถเข้าถึงผู้คนจำนวนมาก ยิ่งถ้ามีการทำโฆษณาแบบ Personalize ก็หมายถึงโอกาสที่แบรนด์จะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าแบบเจาะจงมีโอกาสมากขึ้น และช่วยสร้างการรับรู้ (Awareness) และช่วยในการตัดสินใจ (Decision) จนจนำไปสู่การซื้อในที่สุด
จึงไม่แปลกที่บรรดาสื่อต่างๆ จะพยายามสร้างเนื้อหา (Content) เพื่อดึงดูดให้มีคนดูหรือผู้ติดตามมากที่สุด และเป็นเรื่องปกติของสื่อทั่วโลก ซึ่งสถานการณ์ COVID-19 เรียกว่าเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติและมีผลกระทบต่อหลากหลายธุรกิจ ส่งผลให้งบโฆษณาถูกหั่นเนื่องจากต้องเก็บเงินส่วนนี้ไว้เพื่อใช้ในการประคับประคองธุรกิจให้ผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้
โดยสื่อหลายแห่งในสหรัฐฯ โดยเฉพาะสื่อขนาดเล็กและสื่อท้องถิ่น ต่างออกมายอมรับว่ามียอดผู้อ่านหรือผู้ติดตามเพิ่มขึ้นจำนวนมากกว่าปกติหลายสิบเท่า เรียกว่ามากเป็นประวัติการณ์ของหลายๆ สื่อ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู็คนต้องทราบเรื่องราวและข้อมูลต่างๆ ของ COVID-19 ซึ่งเป็นโรคระบาดที่ทำให้สหรัฐฯ กลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับหนึ่งของโลก
แม้จะเป็นไปตามกลไกของสถานการณ์ไม่ปกติที่งบโฆษณาจะลดลง ทว่าจากการสำรวจของหลายๆ สื่อกลับพบว่า หลายแบรนด์โดยเฉพาะแบรนด์ใหญ่ๆ ตัดสินใจไม่ซื้อโฆษณาด้วยเหตุผลว่า การนำเสนอข่าวเกี่ยวกับ COVID-19 สร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีให้กับแบรนด์ ซึ่งกลายเป็นสาเหตุหลักของแบรนด์ใหญ่ในการตัดสินใจไม่ซื้อโฆษณา
สำหรับการเติบโตของโฆษณาทั่วโลกในปีนี้มีการปรับตัวลดลงราว 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 6 แสนล้านบาท ตามที่บริษัทวิจัยตลาด eMarketer มีการประเมิน นอกจากนี้การเติบโตของเม็ดเงินโฆษณาในประเทศจีนยังเติบโตเพียง 8.4% เอเจนซี่โฆษณาและบริษัทที่เกี่ยงข้องด้านโฆษณาพยายามชี้ให้แบรนด์เห็นว่า การไม่ลงโฆษณาด้วยเหตุผลด้านภาพลักษณ์ จะทำให้แบรนด์ไม่สามารถเข้าถึงผู้อ่านและผู้ติดตามได้ในช่วงนี้
หลายแบรนด์มีการสร้าง Blacklist คำต้องห้ามอย่าง COVID-19 หรือ Coronavirus ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการนำเสนอข่าวผู้เสียชีวิตจำนวนมากในยุโรปและสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเนื้อหาที่ไม่น่ายินดี การลงโฆษณาร่วมไปในข่าวเหล่านี้ จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์เหล่านั้นในช่วงเวลาที่แสนเศร้า
โดย 5 แบรนด์ใหญ่ที่มีมีการใช้จ่ายโฆษณาสูงสุดในสหรัฐเมื่อปีที่ผ่านมาแล้ว ประกอบไปด้วย Comcast ผู้ให้บริการ Streaming Video, AT&T ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคม, Amazon แพลตฟอร์มด้านการซื้อขายออนไลน์, P&G ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคและบริโภค และ General Motors ผู้ผลิตรถยนต์
Source: Reuters