Shoot for the moon. Even if you miss, you’ll land among the stars. ไขว่คว้าหาดวงจันทร์ แม้ไม่เป็นไปดังหวัง ก็ยังอยู่ท่ามกลางดวงดาว เป็น Motto เท่ๆ ของเจ้าของทั้ง 4 คน รุ่งโรจน์ ตันเจริญ, ชนินทร์ อรัญวัฒน์, สุนาถ ธนสารอักษร และ สโรจ เลาหศิริ แห่ง Rabbit’s Tale ดิจิทัลเอเจนซี่ ที่มีการเติบโตกว่า 150% ในปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเติบโตแบบก้าวกระโดด และเร็วที่สุดในอุตสาหกรรม
แนวคิดของ Rabbit’s Tale ต้องบอกว่ามีความน่าสนใจ เพราะทั้ง 4 คนใช้ความคิดนอกกรอบของเอเจนซี่ ในการสร้างสรรค์ผลงาน ด้วยความเชื่อที่ว่า Digital is Life ทุกจังหวะชีวิตในแต่ละวันมีความเป็นดิจิทัลเข้ามาแทรกอยู่ตลอด และเห็นว่างานเอเจนซี่คืองานที่จะได้ระเบิดความคิดสร้างสรรค์ที่แตกต่าง จึงเป็นจุดกำเนิดของ Rabbit’s Tale จากปีแรกที่พนักงาน 15 คน มาปัจจุบันเพิ่มเป็น 60 และจะถึง 100 คนในปลายปีนี้ เป็นสิ่งที่ยืนยันว่า ที่นี่มีการขยายงานอย่างต่อเนื่อง
ลองไปทำความรู้จักกับ Rabbit’s Tale ว่า มีหลักในการทำงาน และมีผลงานอะไรกันบ้าง
Effective Creativity สร้างสรรค์อย่างมีประสิทธิภาพ
หลักในการทำงานของ Rabbit’s Tale คือ Effective Creativity นั่นคือ ต้องสร้างสรรค์งานพร้อมกับมีประสิทธิภาพด้วย งานที่สร้างสรรค์ อาจจะสร้างความแปลกใหม่ สร้างการรับรู้ และสร้างโอกาสในการคว้ารางวัล แต่ต้องมาพร้อมกับประสิทธิภาพให้กับ Brand ลูกค้าด้วย นั่นคือต้องตอบโจทย์ความต้องการให้ลูกค้า
เช่น เก๊กหล่อ น้ำจับเลี้ยง ที่ใช้อาม่า เป็นตัวแทนของความห่วงใยเพื่อนำเสนอ และเล่นประโยคสนุกๆ เพื่อให้คนไม่กด Skip Ad และรอดูโฆษณาจนจบ จากปกติ 3 ใน 4 ของผู้บริโภคจะกด Skip Ad แต่โฆษณาเก๊กหล่อของอาม่า มียอดดูถึง 98% หรือกด Skip Ad ที่ 2% เท่านั้น
หรือ โฆษณาอาหาร CP ที่สร้าง Menu Story เพื่อเล่าเรื่องราววิธีการทำอาหารแบบง่ายๆ แต่ใช้ชื่อเมนู มาสร้างเป็นเนื้อเรื่องสนุกๆ เช่น ไก่กรอบทอดสะพาน หรือ ข้าวต้มหมูสู้เค้านะ ที่เน้น Emotional มากขึ้น และปิดท้ายด้วยโฆษณา แป้งศรีจันทร์ for men ที่เปลี่ยนการรับรู้ของผู้บริโภคว่า แป้งศรีจันทร์ for men ผู้ชายใช้แล้วแมน โดยได้ เวย์ ไทเทเนียม มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เป็นต้น
อาม่าเผยสูตรลับ…ต้นตำรับจับเลี้ยงแท้
httpv://youtu.be/1o6pMxkJewk
Menu Story : ไก่กรอบทอดสะพาน
httpv://youtu.be/5hnTlntnysw
เรียนรู้ จัดกำลังคน สร้างการเติบโตต่อเนื่อง
ด้วยความที่เป็นเอเจนซี่รุ่นใหม่ และเป็นคนยุคดิจิทัลจริงๆ จึงมีความเข้าใจในความแตกต่างและรู้ว่าดิจิทัลทำอะไรได้มากกว่า ตลอดเวลากว่า 2 ปีที่ผ่าน Rabbit’s Tale ผ่านปัญหาอุปสรรคมาพอสมควร โดยใช้การเรียนรู้ไปด้วยกัน บุกเบิกทางไปด้วยกัน ผ่าน 4 บริการหลัก คือ Digital Campaign, Content & Social Management, Digital Production และ Digital Media โดยเป้าหมายในปีนี้ จะโฟกัสการเป็นพันธมิตรกับลูกค้าหลักประมาณ 10 ราย เพื่อสร้างการเติบโต 100%
ด้วยความที่เติบโตขึ้นมาจากบริษัทเล็กๆ มีความใกล้ชิดกัน ทำให้จุดแข็งของ Rabbit’s Tale คือ คนที่พร้อมทำงานร่วมกัน และ วัฒนธรรมองค์กร ที่หายใจเข้าออกเป็นดิจิทัล มีความเข้าใจ และกระหายไอเดียสร้างสรรค์แปลกใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
Image ที่ดีสื่อสารเรื่องราวได้นับร้อยนับพัน
อีกหนึ่งผลงานที่น่าสนใจของ Rabbit’s Tale คือ แคมเปญของ Canon ที่ต้องการสร้าง Brand Community และต้องการให้ลูกค้าที่ซื้อกล้องไปมาลงทะเบียน ซึ่งตามปกติถือเป็นเรื่องยากมาก จึงคิดและใช้ แบบเรียน ก.ไก่ ที่ทุกคนคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็กว่า “รูปไม่สวย” จัดเป็นกิจกรรมให้ผู้ใช้แคนนอน ถ่ายรูปประกอบ ก.ไก่ – ฮ.นกฮูก ส่งเข้ามา พร้อมกับบอกรุ่นของกล้อง รายละเอียดการถ่าย พร้อมชื่อและเบอร์ติดต่อ
ความเจ๋งของแคมเปญนี้คือ รูป ก.ไก่ – ฮ.นกฮูก จะนำไปผลิตเป็นแบบเรียน ก.ไก่ เพื่อแจกให้กับโรงเรียนกว่า 400 แห่งทั่วประเทศ เป็นการมอบสิ่งดีๆ ให้กับสังคม และการถ่ายรูปประกอบตัวอักษร 44 ตัวของไทย ครอบคลุมการถ่ายทุกแบบ เช่น Macro, Close up, Portrait และLandscape มีรูปส่งเข้ามาร่วมกิจกรรมกว่า 7,000 รูป และมีการลงทะเบียนจากผู้ใช้แคนนอนกว่า 6,000 คน ซึ่งในแคมเปญยังมีรายละเอียดอีกเยอะเช่น เทคนิควิธีถ่าย ไปที่ไหนได้รูปตัวอักษรเยอะ ลองเข้าไปติดตามได้ที่ https://www.facebook.com/canonlifester
เป็นอีกหนึ่ง ดิจิทัล เอเจนซี่ ที่น่าจับตามอง ปีนี้นอกจากเป้าการเติบโตแบบก้าวกระโดดแล้ว Rabbit’s Tale ยังวางเป้าหมายว่า ภายใน 3 ปีนี้ จะต้องก้าวออกไปแสดงผลงานบนเวทีระดับภูมิภาคและระดับโลกให้ได้ เพื่อพิสูจน์ว่าดิจิทัลเอเจนซี่ไทยรุ่นใหม่ ก็มีความสามารถเช่นเดียวกับเอเจนซี่ในต่างประเทศ ไม่แน่ว่าในปีนี้ อาจจะได้เห็นกระต่ายกระโดดไปถึงดวงจันทร์ก็เป็นได้
