“สุทธิศักดิ์” เผยงาน FILM ไทยถดถอยลง ลั่นต้องทวงแชมป์คืนมาให้ได้ เตรียมส่งงาน Innovations ลุย Cannes

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

เป็นอีกปีที่ผ่านจบไปแล้วสำหรับ Adfest 2016 ซึ่งปรากฏว่าก็มีหลายผลงานของไทยได้รับรางวัลมากมาย (คลิกอ่านเพิ่มเติมคืนแรก, คืนที่สอง) ภาพรวมของวงการโฆษณาไทยก็ดูมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะด้วยหลายปัจจัยที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม เพื่อให้รู้ลึกถึงวงการโฆษณาไทย เราก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับบุคคลสำคัญท่านหนึ่งในวงการโฆษณา สุทธิศักดิ์ สุจริตตานนท์ Chairman & Chief Creative BBDO Bangkok” นักโฆษณาตัวจริงที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการมานานหลายปี เป็นนักโฆษณาคนไทยที่ถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 1 ของเอเชีย และเป็นคนไทยคนแรกที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก

Suthisak HILI 2

และปีนี้ก็เป็นอีกปีที่ “สุทธิศักดิ์” พาทีม BBDO Bangkok ขึ้นรับรางวัลมากมาย Marketing Oops! จึงขอโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ ถึงภาพรวมของผลงานโฆษณาทั้งของไทยและในภูมิภาค พร้อมกับมองเลยไปถึงงาน Cannes ที่กำลังใกล้เข้ามาในปีนี้

ภาพรวมผลงานไทยในงาน Adfest ในปีนี้เป็นอย่างไรบ้าง?

เท่าที่ได้ดูจาก finalilst และจากการพูดคุยกับกรรมการในแต่ละสาขา ก็ได้สอบถามว่า film บ้านเราเป็นอย่างไรบ้าง ก็พบว่า film หนังโฆษณาของเราน้อยลง จำนวนที่เคยผูกขาดระดับโลกก็น้อยลง ทั้งโปรดักชั่นและความครีเอทีฟก็ไม่เหมือนเมื่อก่อน แนวทางตลกที่เราเคยโด่งดังก็ไม่มี เปลี่ยนมาเป็นแนวดราม่าบีบน้ำตาเยอะขึ้น แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องผิด มันก็เป็นอีกความแซ่บหนึ่งของไทย เป็นแนวที่คนรู้จักเราเรียกว่า Thai drama ซึ่งมีคุณภาพและมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน ซึ่งก็น่าสนใจไม่น้อย แต่ในแง่ของ craft นั้น เราอาจจะยังสู้เขาไม่ได้ อาจจะด้วยงบประมาณ ก็ดีหรือในแง่ของภูมิประเทศ ที่เราคงไปสู้กับงานของออสเตรเลีย หรือนิวซีแลนด์ไม่ได้ ความสวยงาทของภูมิประเทศมันต่างกัน ดังนั้น สิ่งที่เราจะสู้กับเขาได้ก็คือ เราต้องหาจุดเด่นใหม่ๆ ต้องมีไอเดียที่ชัดเจน ฉะนั้น เราจะต้องทวงความเป็นแชมป์ของทางด้านฟิล์มกลับมาให้ได้

“นอกจากเรื่องงบประมาณและสถานที่ต่างๆ ที่เราอาจสู้เขาไมได้แล้ว ผมก็เห็นว่าอีกปัญหาหนึ่งที่งานด้านฟิล์มของไทยเป็นก็คือ ช่องว่างของวัยของผู้กำกับ ซึ่งเมื่อก่อนเรามีแต่งานระดับ world class ทั้งนั้นเลย มีแต่ผู้กำกับมือระดับรางวัลโลก ไม่ว่าจะเป็น คุณต่อ ธนญชัย ศรศรีวิชัย คุณม่ำ สุธน เพ็ชรสุวรรณ  สิ่งที่เกิดขึ้นคือคนรุ่นใหม่ที่เรามีอยู่นั้นฝีมือยังพัฒนาไปไม่ถึงคนในรุ่นนนั้น แต่ก็กำลังพัฒนาอยู่ ซึ่งจุดนี้ทำให้ gap ของวงการฟิล์มของไทย”

Suthisak2

ประเทศในภูมิภาคเอเชียที่ส่งผลงานเข้ามา แล้วรู้สึกว่ามาแรงมาก?

น่าจะเป็นอินเดีย ผลงานหลายชิ้นมีความชัดเจน และข้อได้เปรียบอีกอย่างของเขาซึ่งเรายังขาดก็คือภาษา เขาใช้ภาษาอังกฤษได้ดี ทำให้สื่อสารได้ง่าย และอีกจุดหนึ่งก็คือในเรื่องของวัฒนธรรม วัฒนธรรมของอินเดียมีเสน่ห์น่าค้นหา ซึ่งไม่ค่อยมีจากในประเทศอื่นๆ

ที่สำคัญคือ ด้วยความที่ประเทศเขามีปมปัญหาหลายอย่าง งานสร้างสรรค์ที่ดีคืองานที่แก้ปัญหาได้ หรืองานที่หา solution ได้ ซึ่งอินเดียมีหลายเรื่องให้ทำ เช่นเรื่องของ gender ความไม่เท่าเทียมกันในเรื่องเพศ เขาสามารถที่หยิบยกเอาปัญหาสังคมเหล่านี้ แล้วผูกโยงเข้ากับแบรนด์ได้ แถมยังช่วยยกระดับสังคมด้วย ตัวอย่างผลงานที่โดดเด่นอย่างเช่น #ShareTheLoad ซึ่งพูดถึงงานซักผ้าว่าไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นหน้าที่ของผู้หญิงเลย และTouch the Pickle ,Sanitary Napkins ซึ่งพูดถึงเรื่องข้อห้ามตามความเชื่อต่างๆ เกี่ยวกับการมีประจำเดือนของผู้หญิง ซึ่งทั้งสิงตัวนี้ทำออกมาได้อย่างสร้างสรรค์มากทีเดียว

Ariel – #ShareTheLoad

httpv://youtu.be/wJukf4ifuKs

Touch the Pickle ,Sanitary Napkins

httpv://youtu.be/PhHLAHqrGvk

“ส่วนประเทศอื่นๆ ที่น่าสนใจก็ อย่างญี่ปุ่นต้องยกให้เขาเลยในเรื่องของดีไซน์ ซึ่ง category ประเภทดีไซน์หรือเทคโนโลยีเขาก็กวาดแทบจะหมดเลย ซึ่งไทยเราในด้านเทคโนโลยีเราก็เริ่มมีบ้างเช่นกัน อย่างงาน Samsung memory recaller ก็ถือว่าเป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้ในงานได้ดี หรือออสเตรเลีย ก็จะมีความบ้าแบบหนึ่ง หลายงานในปีนี้ Adfest น่าสนใจมาก” บิ๊กบอส BBDO กล่าวเพิ่มเติม

มองเลยไปถึง Cannes บ้าง ปีนี้ BBDO เตรียมพร้อมอะไรไว้บ้าง?

ปีนี้เราก็เตรียมส่งหลายชิ้นงาน หลาย catergory ด้วยกัน อย่างงานในทาง Innovation เราก็มี 2-3 ตัวที่เตรียมจะส่งไป หนึ่งในนั้นก็คือ Moto Repellent นอกจากนี้ก็ยังมี Operation Smile ก็จะเป็นอีกชิ้นที่จะส่งเช่นกัน ซึ่ง BBDO เราเป็น Ad Network ดังนั้น งานที่ Cannes ก็เป็นเวทีระดับโลก เป็นสนามที่ใหญ่ที่สุด ดังนั้น เราก็คงต้องมีผลงานส่งเข้าไปอยู่แล้ว ซึ่งก็หวังว่าจะได้รางวัลกลับมาเช่นปีที่แล้ว

Suthisak3

ไอเดียของ Moto Repellent มาได้อย่างไร ?

งานชิ้นนี้ใช้เวลาปีครึ่งกว่าจะทำเสร็จออกมาได้ เป็นความพยายามอย่างหนักของทีมวิศวกร มันคืองาน CSR ที่ทาง BBDO ต้องการที่จะทำเพื่อตอบแทนสังคม เราจึงร่วมกับมูลนิธิดวงประทีป ในการเข้าไปช่วยเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตให้กับชาวชุมชนแออัด คือเราไปทำรีเสิร์ชจนพบว่า ในพื้นที่ชุมชนแออัดมันเล็กและแคบมาก แล้วยังมีซอกซอยเล็กๆ อีกเต็มไปหมด รถทั่วไปไม่สามารถวิ่งเข้าออกได้ จะมีก็แต่มอเตอร์ไซค์นี่แหละที่สามารถซอกซอนตามถนนต่างๆ ได้ เราก็เลยคิดว่าวิธีนี้น่าจะเวิร์ค พร้อมกับวิธีการใช้สารสกัดจากธรรมชาติคือตะไคร้เอามาใช้ พ่นผ่านความร้อนของท่อไอเสีย ซึ่งได้อุณหภูมิที่พอเหมาะกันพอดี

ฟีดแบ็คที่ได้รับมาเป็นอย่างไร?

ฟีดแบ็คดีมาก มีติดต่อขอเราเข้ามาในหลายประเทศด้วยซ้ำ ไม่เฉพาะแค่ในเมืองไทย แต่เรายังไม่ได้ตอบรับหรือมีความคิดจะจำหน่ายอย่างไร ก็ขอแค่ให้ช่วยแก้ปัญหาในประเทศของเราก่อนดีกว่า ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ระหว่างเก็บผลรวบรวมข้อมูลอยู่ว่าช่วยลดปัญหายุงชุมในพื้นที่ได้มากน้อยแค่ไหน

คือเราก็อยากให้มันสมบูรณ์แบบ 100% เลย ตอนนี้ก็สมบูรณ์แล้วล่ะ แต่ว่ามีความรู้สึกว่ายังไม่ 100% ก็ยังทำไปแก้ไปอยู่ตลอดเวลา ทั้งเรื่องการลดต้นทุนต่างๆ ด้วยก็สำคัญ เราอยากทำออกมาให้มันราคาไม่แพงนักเพื่อที่จะได้เป็นประโยชน์ในการทำต่อไป

httpv://youtu.be/ZwuGEeCZCEI

กับผลงานหลายรางวัลและหลายเวที เป็นบทพิสูจน์หรือยังว่าคอนเซ็ปต์ New World คือที่สุด?

แน่นอนเลยว่าไอเดีย New World ของเรามันใช่ เพราะมันคือการค้นหานวัตกรรมหรือ Innovation ใหม่ๆ ซึ่งนวัตกรรมมันไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นการสร้างสิ่งใหม่ แต่อาจจะเป็นการที่หยิบเอาสิ่งเดิมมาทำให้มันเกิดสิ่งใหม่ขึ้นมาก็ได้ นอกจากนี้ ในส่วนของมีเดียเองก็มีการชิฟท์ไปที่ออนไลน์ขึ้นเยอะ เราจะเห็นว่าผู้คนส่วนใหญ่ทุกวันนี้ไม่ได้ดูทีวีอีกต่อไป แล้วแต่จะเข้าสู่โลกออนไลน์มากขึ้น โลกของโซเชียล มีเดียมากขึ้น คิดว่าไทยเรามาถึงจุดเปลี่ยนแล้วโดยชิฟท์จาก tradition media ไปสู่ new media แล้ว.

bbdo winner1

BBDO network of the year

Copyright © MarketingOops.com


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
pigabyte
การเรียนรู้ไม่มีวันจบสิ้น มาเรียนรู้และสนุกไปกับบทความ จาก MarketingOops! กันนะคะ แล้วเราจะได้ค้นพบว่าโลกของ Marketing นั้น So Sexy and Cool!