หลังจากวันเดอร์แมน และ เจ.วอลเตอร์ ธอมสัน ประกาศควบรวมกันในชื่อ วันเดอร์แมน ธอมสัน (Wunderman Thompson) เพื่อนำเสนอโซลูชั่นการทำงานแบบครบวงจรและครอบคลุมลูกค้าทั่วโลก ทั้งด้านความคิดสร้างสรรค์ ข้อมูล ให้คำปรึกษา อีคอมเมิร์ซ และให้บริการทางเทคโนโลยี ล่าสุด วันเดอร์แมน ธอมสัน ได้เสริมทัพความแข็งแกร่งด้วยการเปิดตัวกลุ่มธุรกิจใหม่ “คามิลเลี่ยน” ชูจุดเด่นด้านงานโซเชียล & ดิจิทัล คอนเทนต์ และ โปรดักชั่น
ทำให้ปัจจุบันวันเดอร์แมน ธอมสัน ประเทศไทย มีธุรกิจในเครือ 6 บริษัท ได้แก่ ดีกรี (Degree) ผู้เชี่ยวชาญด้านงานออกแบบ, ไมรัม (Mirum) ให้บริการงานด้านดิจิทัล, จีทีบี (GTB) ให้บริการด้านสื่อสารสินค้ายานยนต์, เวิรฟ พับบลิค รีเลชั่นส์ คอนซัลแตนท์ซี (Verve Public Relations Consultancy) ให้บริการด้านงานประชาสัมพันธ์ และล่าสุด “คามิลเลี่ยน” กลุ่มธุรกิจที่ให้บริการด้านงานโซเชียล & ดิจิทัล คอนเทนต์ และ โปรดักชั่น บริษัทแม่ของคามิลเลี่ยนอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย โดยมีสาขาในเอเชียแปซิฟิกที่กรุงปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และไทย เป็นสาขาที่ 5
คุณมัวรีน ตัน ซีอีโอ เจ.วอลเตอร์ ธอมสัน ประเทศไทย กล่าวว่า ตอนนี้วันเดอร์แมน ธอมสัน ประเทศไทย อยู่ในระหว่างการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรให้ครอบคลุมการทำงานทุกด้าน การเปิดตัวคามิลเลี่ยนในครั้งนี้นับเป็น 10% ของกลุ่มธุรกิจทั้งหมดในเครือวันเดอร์แมน ธอมสัน ประเทศไทย ในช่วงปีแรกตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 10% ของกลุ่ม และคาดว่าในปีต่อๆ ไปจะเติบโต 10-15% ต่อไป ถือเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของวันเดอร์แมน ธอมสัน ประเทศไทย ที่จะเสริมความแข็งแกร่งและรองรับการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต
ตอบโจทย์ด้วยทีมงาน 22 คน ที่มีความเชี่ยวชาญ และเชื่อมั่นในพลังของคอนเทนต์ที่ดี
Fast, Great Content คือ คติการทำงานของคามิลเลี่ยน ที่ทำหน้าที่เป็น Content Station ให้บริการลูกค้าตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เบื้องต้นคามิลเลียนให้บริการใน 4 ด้านหลัก
1. การสร้างคอนเทนท์ (Content Creators)โดยทีมงานที่มีหน้าที่ผลิตคอนเทนท์และบริหารช่องทางสื่อที่แบรนด์เป็นเจ้าของเอง (Owned Channels) เพจของแคมเปญต่างๆ และผลิตคอนเทนท์ให้กับสื่อซื้อ (Paid Channels) และช่องทางสื่อที่ผู้เป็นเจ้าของสื่อยินดีช่วยนำเสนอและแชร์คอนเทนท์ (Earned Channels)
2. การผลิตคอนเทนท์ (Content Production) โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญทางด้านการผลิตและสตูดิโอตัดต่อที่สามารถใช้งานได้ทุกเวลา ฝ่ายตัดต่อของคามิลเลี่ยนมีทักษะอย่างครบวงจร ทั้งด้านการจัดองค์ประกอบ ปรับแต่งสี สร้างแอนิเมชั่น งานวิชวลเอฟเฟค งานสื่อสิ่งพิมพ์ ภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์หรือสำหรับโรงภาพยนตร์ สื่อแบบอินเตอร์แอคทีฟ รีวิว บล็อก และอื่นๆ
3. การกระจายคอนเทนท์ (Content Amplifiers) ซึ่งหมายความถึงการส่งคอนเทนท์ไปยังสื่อประเภทที่ยินดีให้การสนับสนุนแบรนด์ทั้งแบบที่ไม่ต้องใช้งบประมาณซื้อและที่ต้องใช้งบประมาณซื้อ รวมไปถึงการทำการตลาดร่วมกับผู้มีอิทธิพลทางความคิด
4. การบริหารจัดการคอนเทนท์ (Content Nurturers) โดยอาศัยความร่วมมือกับลูกค้าและแบรนด์เพื่อนำเสนอคอนเทนท์ไปสู่กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ โดยใช้เทคนิคปรับเปลี่ยนเป้าหมายของสาร (Content Re-targeting) รวมถึงการนำเสนอสารอย่างตรงจุด
รูปแบบการทำงานของคามิลเลี่ยนจะใช้แผนภาพของทั้งฝั่งผู้บริโภคและแบรนด์ เพื่อให้แบรนด์เห็นวิธีการสื่อสารผ่านช่องทางต่างๆ ทั้ง Paid, Owned และ Earned อย่างชัดเจน หลังจากนั้นจึงเริ่มวางแผนกลยุทธ์และกระจายคอนเทนต์ โดยมีการทดสอบ วัดผล และปรับเปลี่ยนการทำงานตามสถานการณ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เป็นไปตามต้องการ
จุดเด่นของคามิลเลี่ยน
สิ่งที่ทำให้คามิลเลี่ยนแตกต่างจากเอเยนซี่อื่นๆ อยู่ที่การวิเคราะห์เชิงลึก เพื่อผลิตคอนเทนต์ที่สอดรับกับ Consumer Journey การเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภค เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคไม่สนใจอะไรนานๆ ไม่สนว่าคอนเทนต์นั้นจะมาจากแบรนด์หรือไม่ สิ่งที่พวกเขาสนใจคือ คอนเทนต์ที่ดี และมีความเกี่ยวข้องกับตัวเอง ดังนั้น แบรนด์จึงต้องสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ คามิลเลี่ยนเข้ามาช่วยให้คอนเทนต์ของแบรนด์ได้รับความสนใจและการจดจำ โดยใช้ Data หรือฐานข้อมูลเชิงลึก สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ตรงกับความสนใจผู้บริโภคจริงๆ และเพื่อเสริมความแกร่งจุดแข็งขององค์การคามิลเลี่ยนยังเป็นพาร์ทเนอร์กับ ไวซ์ไซท์ (Wisesight) ในการเก็บข้อมูลต่างๆ
ในยุคที่ใครๆ ก็ทำคอนเทนต์เองได้ ทว่า การทำคอนเทนต์นั้นไม่ยาก แต่การทำคอนเทนต์ทำให้มีคุณภาพและต่อยอดไปสู่การซื้อสินค้านั้นยากกว่า คุณกฤชญา กู้ธนวัฒน์ Head of Social & Content ของคามิลเลี่ยน เผยว่า Content is King, Context is God. หมายถึง คอนเทนต์ยังเป็นสิ่งจำเป็น แต่การทำคอนเทนต์รูปแบบเดียวให้ผู้บริโภคทุกกลุ่มจะไม่ได้ผลอีกต่อไป คนทำคอนเทนต์ต้องเข้าใจ Consumer Journey การตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคก่อน เพราะทุกวันนี้ผู้บริโภคมีความซับซ้อนมากขึ้น มีสื่อหลายรูปแบบที่พบในแต่ละวัน อาทิ สมาร์ทโฟน, เว็บไซต์ หรืออีเวนท์
คอนเทนต์รูปแบบเดียว ไม่ได้เหมาะกับผู้บริโภคทุกกลุ่ม
เป็นเรื่องที่พูดมานานว่า คอนเทนต์ชิ้นเดียว ไม่ได้เหมาะกับผู้บริโภคทุกกลุ่ม และใช้ทุกแพลตฟอร์มไม่ได้ คุณกฤชญาได้ยกตัวอย่างให้ฟังว่า จากประสบการณ์ที่เคยทำแคมเปญ ลูกค้ามี TVC ให้ 2 เรื่อง เราจึงใช้วัตถุดิบที่มีทำ Micro Content เป็นคลิปสั้นๆ ออกมา 43 ชิ้น เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต่างกัน โดยมี Data เป็นเครื่องมือดักจับและช่วยวิเคราะห์ เราไม่ได้เก็บข้อมูลผู้บริโภคตาม Gen อย่างเดียว เรามองว่าเขาสนใจเรื่องไหน มีความชอบอย่างไร เช่น ชอบออกกำลังกาย ชอบอ่านข่าว ชอบทำอาหาร หรือชอบทำงานประดิษฐ์ เป็นต้น
“การทำคอนเทนต์ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว เพราะการใช้โซเชียลเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล แต่ละคนมีความชอบ ความสนใจไม่เหมือนกัน แบรนด์จึงต้องใส่ความครีเอทีฟลงไปในคอนเทนต์ให้มากๆ จะพูดแต่เรื่องขายของอย่างเดียวไม่ได้ ต้องใส่ไอเดียเข้าไปด้วย” คุณกฤชญา กล่าวทิ้งท้าย
หากให้จำกัดความ “คามิลเลี่ยน” คงต้องบอกว่าเป็น “กิ้งก่า” สัตว์ที่ปรับตัวตลอดเวลาตามสภาพแวดล้อม เหมือนกับการทำคอนเทนต์ ที่ต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา