ตลาด generative AI ยังคึกคักอย่างต่อเนื่อง หลังจากโลกได้ฮือฮาไปกับ Dall-E รวมถึง MidJourney ตามมาด้วยการเปิดตัวบริการของบริษัใหญ่อย่าง Shutterstock AI รวมไปถึง Microsoft Designer ล่าสุด Adobe ก็กระโดดลงมาแข่งขันในตลาดนี้ด้วยเช่นกันด้วยการเปิดตัว Adobe Fire Fly โปรแกรมช่วยออกแบบด้วย AI ที่เริ่มทยอยปล่อยฟีเจอร์ต่างๆออกมาให้ได้ลองใช้แล้ว และฟีเจอร์ต่างๆนั้น Adobe เตรียมที่จะนำไปผสานเข้ากับแอปพลิเคชั่นต่างๆของ Adobe Creative Cloud อย่างเช่น Photoshop ต่อไปในอนาคตด้วย
ทำความรู้จัก Adobe Firefly
Adobe เปิดเผยว่า Adobe Firefly คือ ตระกูลของโมเดล AI เพื่อการสร้างสรร โดยเน้นการทำงานตามคำสั่งมนุษย์ และเปิดเผยด้วยว่ามีความสามารถมากกว่า Dall-E 2 ของ OpenAI และ Stable Diffusion ได้ถึงเท่าตัว และสามารถทำงานได้กับ รูปภาพ, เสียง, เวกเตอร์, วิดีโอ และภาพ 3D รวมถึงนำไปเป็นวัตถุดิบสำหรับเครื่องมืออย่าง brushes, color gradients และการปรับแต่งวิดีโอ ที่สามารถทำได้ง่ายและเร็วกว่าที่เคยมีมา
Adobe Firefly ทำอะไรได้บ้าง
Adobe เปิดตัว Firefly แบบ beta ให้ได้ลองใช้ผ่านเว็บบราวเซอร์โดยสามารถเข้าไปจองคิว Request Access เข้าใช้งานได้ที่ https://firefly.adobe.com/ โดยหลังจากได้รับการยืนยันผ่านทางอีเมล์แล้วก็จะสามารถเข้าไปทดลองใช้งานความสามารถต่างๆโดยปัจจุบัน Adobe เปิดให้ทดลอง สองความสามารถอย่าง Text to Image และ Text effects ก่อน
1.Text to Image ความสามารถที่คล้ายกับ Generative AI ที่เราเคยรู้จักก่อนหน้านี้ ใช้งานด้วยการใส่ Promt คำสั่งเข้าไป แต่ Adobe จะมีตัวเลือกให้ทำงานง่ายขึ้น เช่น Centent Type: Photo, Graphic หรือ Art, Style: Popular, Movements, Themes, Technique, Effect, Concept ที่แต่ละหัวข้อจะมีหัวข้อย่อยให้เลือก รวมไปถึง Color and tone, Lihgting และ Composition ก็สามารถเลือกได้ เพื่อให้ AI เข้าใจความต้องการจาก Promt ของเรามากขึ้น
2. Text effects เป็นความสามารถสร้างกราฟฟิค Text ได้จากคำสั่ง Promt แบบเดียวกับการสร้างภาพ Text to immage แต่ฟังก์ชั้นนี้จะเป็นการสร้าง Text ด้วยรูปแบบ เอฟเฟค หรือเท็กซ์เจอร์ต่างๆได้จากจินตนาการ โดยตัวอักษรดังกล่าวจะเป็นการเจาะพื้นหลังและพร้อมนำไปใช้ต่อได้ทันที
นอกจากนี้ยังมีความสามารถอื่นๆอย่าง Recolor vectors ที่สามารถเปลี่ยนรูปแบบงาน artwork ที่เป็นงาน vector ของเราได้ด้วยคำสั่ง Promt ที่เตรียมจะปล่อยออกมาได้ลองกันในเร็วๆนี้ และความสามารถเจ๋งๆอื่นๆที่สามารถเข้าไปอยู่ในแอปพลิเคชั่นต่างๆของ Adobe Creative Cloud โดย Adobe บอกว่าอยู่ระหว่างการพัฒนาอีกหลายอย่างเช่น
Inpainting ใช้เครื่องมือ brush เพื่อเพิ่ม ลบ หรือแทนที่สิ่งที่อยู่ในภาพด้วยสิ่งใหม่ด้วยการพิมพ์คำสั่ง Promt
Personalized results สร้างภาพด้วยการสอน AI จากภาพ หรือ Style ของเราเอง
Text to vector สร้างภาพ Vector ที่สามารถนำไป edit ต่อได้จากการใช้คำสั่ง Promt
Extend image เปลี่ยน aspect ratio ของภาพด้วยการใช้ AI ขยายภาพออกไปโดยไม่สูญเสียความละเอียด
3D to image สร้างภาพจากภาพร่าง 3D ด้วยคำสั่ง Promt
Text to pattern สร้างภาพที่เป็น Pattern ต่อเนื่องกันจากคำสั่ง Promt
Text to brush สร้าง brush ใน Photoshop และ Fresco จากคำสั่ง Promo
Sketch to image เปลี่ยนภาพร่างด้วยดินสอหรืปากกาให้เป็นภาพสี
Text to Template สร้าง template ที่สามารถแก้ไขภาพและตัวอักษรในส่วนต่างๆในภาพได้ตามคำสั่ง Promt
นอกจากฟังก์ชั่นล้ำๆที่ใช้พลังของ AI มาขับเคลื่อนแล้ว Adobe Firefly ยังมีข้อดีที่ Adobe ชูขึ้นมาเป็นจุดเด่นก็คือภาพที่ถูกสร้างขึ้นมาจะมาจากวัตถุดิบภาพที่ไม่มีลิขสิทธิ์ หรือได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานแล้วเท่านั้น ทำให้ตัดปัญหาความคลุมเครือด้านลิขสิทธิ์ลงไปได้ อย่างไรก็ตามเวลานี้ Adobe Firefly นั้นยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้นเปิดให้ทดลองใช้โดยราคา วันเวลาการวางจำหน่าย หรือแอปพลิเคชั่นที่จะนำฟีเจอร์เหล่านี้ไปใช้นั้นมีอะไรบ้าง คงต้องรอการเปิดเผยจาก Adobe ต่อไป
อ่านบทความ Generative AI เทคโนโลยีแห่งปี 2022
อ่านบทความ รู้จักบริการ Shutterstock AI ที่ปฏิวัติวงการ Generative AI สู่การนำไปใช้อย่างมีจริยธรรม
อ่านบทความ ได้ใช้แน่! Microsoft ประเทศไทย เปิดตัว ChatGPT เจาะลึกสารพัดโปรดักซ์ Build-In AI ยกระดับบริการ