กลายเป็นที่ฮือฮาไปแล้วเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่ามาที่หลายแบรนด์ดังออกมาประกาศตัดสัมพันธ์กับ Kanye West แรปเปอร์ชาวอเมริกันชื่อดัง หลังจาก West แสดงความคิดเห็นเหยียดเชื้อชาติหนึ่งในนั้นคือแบรนด์ Adidas ที่ประกาศแยกทางกับ West พร้อมทั้งถอดรองเท้าสนีกเกอร์รุ่น Yeezy รองเท้ารุ่นดังที่เป็นการร่วมงานกับ West ออกจากชั้นวางทั้งหมด ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ West ถึงกับหลุดจากอันดับมหาเศรษฐกิจของสหรัฐเลยทีเดียว
คลิกอ่านบทความ ลำดับไทม์ไลน์วีรกรรม Kanye West ที่ทำให้ Adidas และอีกหลายแบรนด์ตัดสัมพันธ์ จนแรปเปอร์ดังหลุดอันดับมหาเศรษฐี
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ West เท่านั้นที่ต้องเจ็บตัวกับเรื่องนี้แต่ Adidas เองก็ได้รับผลกระทบกับเรื่องราวดังกล่าวไปแบบเต็มๆเช่นกันโดยล่าสุด Adidas ได้ออกมาประกาศตัดลดคาดการณ์ผลกำไรเป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้ โดยปรับลดคาดการณ์อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (operating profit) จากเดิม 4% ลงเหลือ 2.5% (จากยอดขายหลังหักต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน) เท่านั้น
การปรับลดคาดการณ์ผลกำไรของบริษัทอุปกรณ์กีฬาสัญชาติเยอรมนีครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการตัดสินใจของ Adidas ในการยุติความร่วมมือกับ Kanye West ที่ออกมาก่อกระแสดราม่าด้วยการแสดงความคิดเห็นเหยียดเชื้อชาติหลายครั้งจนหลายแบรนด์ยักษ์ใหญ่ต้องออกมาประกาศยุติความร่วมมือกันไปตามๆกัน โดยเฉพาะ Adidas ที่มีความร่วมมือกับ West ในการออกแบบรองเท้า Yeezy สินค้าที่สร้างผลกำไรให้กับ Adidas คิดเป็นสัดส่วนถึงครึ่งหนึ่งของผลกำไรทั้งหมดของบริษัท
สำหรับสนีกเกอร์ Yeezy นั้นเป็นสินค้าที่แพงที่สุดและเป็นที่ต้องการมากที่สุดชิ้นหนึ่งของ Adidas โดย Yeezy มีราคาป้ายสูงถึง 8,500 บาท และด้วยกลยุทธ์ในการผลิตออกมาในจำนวนจำกัดยังทำให้ราคาในตลาดรีเซลนั้นจะสูงขึ้นไปอีกไปถึงหลักหมื่นหรือหลายหมื่นบาทในเวลาหลังออกวางขายไม่นาน
สำหรับ Adidas เองนั้นก็กำลังจะเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกครั้งโดย Bjorn Gulden อดีต CEO ของบริษัทคู่แข่งอย่าง Puma ก็กำลังจะเข้ารับตำแหน่ง CEO ของ Adidas ในเดือนมกราคมนี้เพื่อพลิกฟื้นธุรกิจท่ามกลางความท้าทายในยุคนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือตลาดในจีนที่เคยเป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตมากที่สุดของ Adidas ที่ในเวลานี้ยอดขายกลับลดลงไปแล้วราว 1 ใน 3 เนื่องจากเกิดกระแสบอยคอตสินค้าตะวันตกในจีน
ก่อนหน้านี้การคาดการณ์ผลกำไรของ Adidas นั้นถูกปรับลดลงมาอย่างต่อเนื่องในปีนี้ หลังจากเป้าหมายกำไรที่ตั้งไว้ 11% ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาต้องถูกปรับลดลงเหลือ 9.4% ในเดือนพฤษภาคม, 7% ในเดือนกรกฎาคม และ 4% ในเดือนตุลาคมก่อนการปรับลดครั้งล่าสุดเหลือ 2.5% โดยนอกจากพฤติกรรมของ West ในการปรับลดครั้งล่าสุดแล้วยังมีเหตุผลอื่นๆด้วย เช่นการถอนตัวออกจากตลาดรัสเซีย ความต้องการของผู้บริโภคที่ลดต่ำลง การประกาศล็อกดาวน์ของรัฐบาลจีนรวมถึงความหวาดกลัวภาวะเศรษฐกิจถดถอยของชาติตะวันตก
นอกเหนือจากการปรับลดคาดการณ์กำไรลงแล้ว Adidas ยังปรับลดคาดการณ์รายได้ในปีนี้ลงด้วย ซึ่งก็ต้องติดตามต่อไปว่า Adidas จะใช้กลยุทธ์อะไรเพื่อพลิกฟื้นธุรกิจให้กลับคืนมาได้ มหกรรมฟุตบอลโลกที่กำลังจะเริ่มขึ้นในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ที่ประเทศกาตาร์ จะสามารถกระตุ้นยอดขายของ Adidas ให้เพิ่มขึ้นได้หรือไม่ก็ต้องติดตามดูกัน