ในโลกที่ทุกอย่างรวดเร็วไปหมด ทุก ๆ แบรนด์ต่างผลิตคอนเทนต์ออกมาเชือดเฉือนกันอย่างดุเดือด การจะผลิตคอนเทนท์ที่ดี จนได้รับความสนใจจากมวลประชาชนในโลกออนไลน์ได้นั้น ต้องใช้อะไรที่มากกว่าเนื้อหาที่ลึกซึ้ง หรือนักแสดงที่โด่งดัง สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่พบในทุกคอนเทนท์โฆษณาที่ประสบความสำเร็จในเรื่องยอดเข้าชมหรือ ‘ยอดวิว (Views)’ นั้นคือ Insight ที่โดนและเป็นจริง และนี่คือหนึ่งในโฆษณาที่สร้างกระแส Brand Talk ได้เป็นจำนวนมากในเวลาอันสั้น ‘Blind to be’ จาก สก๊อต เพียวเร่ 10 เบอร์รี่ ที่สร้างยอดวิวได้มากกว่า 7 ล้านวิว ภายในเวลา 1 สัปดาห์
สาเหตุของที่แท้จริงของอาการ ‘สายตาเสีย’ Insight ที่ทุกคนมองข้าม
httpv://youtu.be/U-d-PrSwSFg
อีกหนึ่งปัญหาสุขภาพที่คนในยุคดิจิตอลเป็นกันมากขึ้นนั่นคือ “สุขภาพตา” เพราะชีวิตคนในยุคนี้อยู่ติดกับหน้าจอมคอมพิวเตอร์หรือหน้าจอโทรศัพท์เกือบตลอดเวลา และสาเหตุที่ทำให้ “สายตาเสีย” นั้นเกิดจากการใช้สายตาหนักโดยไม่ถูกวิธีนัก เช่นจ้องหน้าจอในที่มืด ซึ่งก่อให้เกิดอาการปวดตา ตาพร่าได้ แต่หลาย ๆ คนก็ยังคงไม่เชื่อ ยังมีความคิดที่ว่า “ไม่มีใครสายตาเสียเพราะมองคอมนาน ๆ หรอก” อยู่อีกมาก
เบื้องหลังของหนังโฆษณาเรื่องนี้ คือคำพูดของแบรนด์ที่ต้องการให้คนดูนั้น “หันกลับมาดูแลตัวเอง” ซึ่งเป็นจุดประสงค์ที่เรียบง่าย แทนที่จะพูดตรง ๆ ว่า “เห้ย สุขภาพสายตาคุณเสียนะ ดูแลตัวเองหน่อย” แต่แบรนด์กลับเลือกที่จะเล่าผ่าน Insight ที่ว่า เวลาสุขภาพเราย่ำแย่ เรามักจะโทษทุกอย่าง แต่ไม่เคยโทษตัวเองเลยว่า “เป็นเพราะเราดูแลตัวเองไม่ดีพอ”
การสอดแทรกมุมมองของคนวัยทำงานในยุคปัจจุบัน ที่มัก ‘มองข้าม’ สิ่งสำคัญที่อยู่ใกล้ตัว
นอกจาก Insight ไม่ดูแลตัวเองแล้ว หนังโฆษณา 7 นาทีเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องเล่าหวานซึ้งของคู่รักหนุ่มสาว แต่ยังได้เล่าแฝงเรื่องจริงที่คนวัยทำงานหลาย ๆ คนกำลังเป็นอยู่ นั่นคือการมุ่งมั่นทุ่มเทเพื่อ ‘ความสำเร็จในหน้าที่การงานมากเกินไป’ จนจัดความสมดุลให้กับชีวิตแบบผิด ๆ มองข้ามทั้งสุขภาพของตัวเอง และสุขภาพของความสัมพันธ์ที่มีกับคนใกล้ตัว โดยเฉพาะคนที่รักเรา
โดยหนังเล่าเรื่องผ่านชีวิตของตัวละครสาวที่มีชื่อว่า ‘ซี’ ที่กำลังประสบปัญหาทางด้านสายตา เนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ซึ่งในตอนแรกของหนังนั้นเธอได้กล่าวโทษทุกอย่าง โยนความผิดใส่ทุกสิ่งอย่าง แม้กระทั่งแฟนหนุ่มของเธอที่ชื่อว่า ‘กันต์’ ที่คอยดูแลเธอตลอดในยามที่เธอกำลังประสบปัญหาก็ถูกกล่าวโทษว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เธอต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้
“ได้เห็น จึงได้เข้าใจ” ไม่มีใครดูแลเราได้ดีเท่าตัวเราเอง
ในขมวดสุดท้ายของหนังโฆษณาเรื่องนี้นั้น ตัวนางเอกอย่างซีนั้นได้หายจากปัญหามองไม่เห็นแล้ว แต่ในจังหวะที่นึกว่าจะเป็นตอนจบแบบเรียบง่าย หนังเรื่องนี้กลับเล่าต่อ ผ่านประโยคเด็ดของกันต์ที่กล่าวกับซีว่า “ไม่มีใครดูแลใครได้หรอกนะ…ถ้าซีไม่ดูแลตัวเอง” ซึ่งประโยคนั้นคือใจความสำคัญที่แบรนด์ต้องการสื่อ และได้มอบบทเรียนนี้ให้แก่คนดูและซี ผ่านตอนจบที่ค่อนข้างหักมุม ว่าเรื่องบางเรื่อง “ต้องได้เห็นก่อน จึงจะเข้าใจ”
เป็นโฆษณาที่ให้ข้อคิดที่ดีแก่คนดูจริง ๆ นะครับ ว่าหากเราลองมองให้กว้างขึ้น หันกลับมามองดูทั้งตัวเองและมองคนที่อยู่ใกล้ตัว เชื่อได้เลยว่าจะได้เห็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้ความสำเร็จในหน้าที่การงานอย่างแน่นอน ขอจบบทความนี้ด้วยประโยคคำถามสั้น ๆ หนึ่งประโยคนะครับ “วันนี้คุณได้ดูแลตัวเองหรือยัง?”
