มีงานจากแบรนด์และเอเจนซี่เกาะกระแส Mannequin Challenge หลายชิ้นอยู่ แต่พบว่างานแคมเปญที่ทรงพลังสูงที่สุดน่าจะเป็นงานชิ้นนี้จาก ALS Liga – Ligue SLA เป็นการตอกย้ำอาการป่วยของคนเป็นโรค ALS ได้อย่างดี ที่สำคัญคือ สามารถหาจุดเชื่อมโยงกับโรค ALS และตัวชาเลนจ์แช่แข็งนี้ได้อีกด้วย
เช่นเดียวกับ Ice Bucket Challenge แคมเปญที่สร้างโดยเชื่อมโยงกับอาการของโรคได้ดี ทำให้แคมเปญประสบความสำเร็จและกลายเป็นไวรัลไปทั่วโลก จนในที่สุดก็สามารถระดมทุนในการวิจัยได้สำเร็จ (คลิกอ่านเพิ่มเติม)
สำหรับวิดีโอนี้นำเสนอฉากของห้องแล็ปที่ทุกคนกำลังง่วนอยู่กับการทำงานบางอย่าง ซึ่งคาดเดาว่าน่าจะเป็นงานทดลองเพื่อรักษาอาการป่วยของโรค ALS โดยกล้องแพนไปยังทุกจุดของห้อง ซึ่งทุกคนอยู่ในอาการตัวแข็งซึ่งเป็นเอกลักษณ์สำคัญของ Challenge นี้ ทว่าตอนท้ายจบด้วยสิ่งที่ทำให้เราต้องสะเทือนใจไปเลย
อย่างที่เราเห็นในวิดีโอ ตอนจบของคลิปเป็นผู้ป่วย ALS ตัวจริง พร้อมกับถือป้ายที่มีแท็กไลน์ว่า “Everyday is a Mannequin Challenge for ALS patients.” โดยที่คนอื่นๆ ที่เคยยืนตัวแข็งกลับมาเคลื่อนไหวได้เหมือนเดิม ยกเว้นผู้ป่วยคนนี้ที่ยังคงนิ่งไม่ไหวติงเช่นเดิม ซึ่งได้รับคำชมว่าเป็นMannequin Challenge ที่พาวเวอร์ฟูลที่สุด
“ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะไม่เห็น Mannequin Challenges บนหน้าฟีด บางอันก็ดูน่าประทับใจ บางอันก็น่าทึ่ง แต่ยังไม่มีอันไหนที่อินสไปร์ได้ หรือทำแล้วจับหัวใจเราด้วย message ที่ทรงพลังได้แบบนี้” Marc Richard Vander Heyden ครีเอทีฟ Publicis Brussels กล่าว
ส่วนวัตถุประสงค์ในการทำคลิปนั้นก็เพื่อสร้างกระแสในโลกโซเชียล เช่นเดียวกับที่เคยเกิดกับ Ice Bucket Challenge โดย Vander Heyden ยังบอกอีกว่า วิดีโอชิ้นนี้ทำให้ผู้คนจดจำโรคนี้ได้อีกครั้ง โดยการแสดงเอฟเฟ็คที่มีผลกับร่างกายของผู้ป่วย เพื่อกระตุ้นให้ช่วยกันระดมทุนบริจาคเงินเพื่อการวิจัยโรคนี้ร่วมกันอีกครั้งหนึ่งนั่นเอง “Keep the research moving, and find a cure for this terrible disease called ALS.”