หลังสร้างกระแสโปรโมทซีรีส์ใหม่ “สาธุ” ผ่านคลิปสุดไวรัลที่มียอดวิวเฉพาะบน Youtube official ของ Netflix Thailand มากกว่า 126,000 ครั้งในเวลา 3 สัปดาห์ ยังไม่นับช่องทางอื่นๆ อีกมากมาย ล่าสุด Netflix สร้างเซอร์ไพรส์ในรูปแบบการโปรโมทซีรีส์แบบใหม่ แบบสับ ด้วยการเปิดเส้นทางใหม่ของ Ad placement บนแผงหนังสือ ชั้นหนังสือ และในรูปแบบ “หนังสือ” สไตล์โค้ชธุรกิจ ที่ไม่น่าเชื่อว่า วันนี้จะมาทำหน้าที่เป็น “มีเดีย” ประเภทหนึ่งได้
“ภาคย์ วรรณศิริ” CCO, VML Thailand ผู้อยู่เบื้องหลังผลงานสุดจึ้งชิ้นนี้ว่า ไอเดียมันก็คือการโปรโมทซีรีส์เรื่อง “สาธุ” ซึ่งเป็นการต่อยอดจากคลิปที่เราเพิ่งปล่อยออกไป ซึ่งปรากฏว่ายอดวิวก็เกินกว่าที่คาดหมาย ยอดแชร์ตอนนี้ทะลุหลักหมื่นไปแล้วในหลายช่องทางโซเชียลมีเดีย ก็ถือว่าค่อนข้างประสบความสำเร็จมากทีเดียว สำหรับไอเดียโปรโมทซีรีส์ มันก็คือการพูดถึง “หจก.สาธุ” ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้แม้จะดูรุนแรง แต่ว่ามันก็มีเจตนาที่ดีที่จะตีแผ่คนที่สร้างความเสียหายให้กับศาสนา ซึ่งมาในรูปแบบใหม่มากๆ เราเลยคิดว่าจะต้องนำเสนอในสไตล์โมเดิร์นรูปแบบใหม่ อย่างที่เราเห็นกันในคลิปที่เราได้ปล่อยออนไลน์ออกไป เพื่อให้คนดูตัดสินเอาเองว่าแบบนี้มันถูกต้องหรือเปล่า
ส่วนเรื่องของการทำหนังสือเพื่อโปรโมท ความคิดนี้มันก็มาจากการที่ทีมเราคุยกันว่า ปัจจุบันนี้เราเห็นตามโซเชียลฯ มากมายเลย ในการทำคลิปสั้นหรือคลิปยาวก็ดี หรือเปิดคอร์สออนไลน์ สอนทำธุรกิจเต็มไปหมดเลย สอนรวยกันเพียบ แล้วมีแพทเทิร์นหนึ่งที่เราเห็นกันอีกก็คือว่าคนกลุ่มนี้มักจะแลนด์ดิ้งด้วยการออกหนังสือสอนรวยหรือสอนเคล็ดลับทำธุรกิจ นี่เป็นท่าประจำที่ธุรกิจพวกนี้ใช้กัน เราเลยนำเอามาเป็นสิ่งที่สอดรับไปกับคอนเซ็ปต์ของตัวซีรีส์ด้วย
“สิ่งที่เราทำคือการนำมันออกมาสู่โลกจริง In world ซึ่งเป็นที่ผมกับทีมทำกันบ่อยๆ เพื่อให้คนสัมผัสได้ ไม่ใช่แค่ทอล์กฯ หรือให้มันอยู่แค่ในโลกออนไลน์อย่างเดียว แต่มันต้องมีอะไรสักอย่างที่จับต้องได้ด้วย สร้าง Conversation ต่อได้ แล้วยังเป็นบทสรุปชี้ให้เห็นด้วยว่า ตัวละครในเรื่อง หจก.สาธุ มันต้องประสบความสำเร็จด้วยเพราะมันสามารถออกหนังสือออกมาได้ เปลี่ยนแปลงวัดๆ หนึ่งได้ มันเหมือนจักรวาลสปินออฟของซีรีส์เรื่องนี้”
กลับมาที่การโปรโมทซีรีส์ ภาคย์ ระบุว่า หน้าที่ของหนังสือเล่มนี้ คือ Media (สื่อ) ดีๆ นี่เอง “purely media เต็มๆ เลยครับ” เราได้ติดต่อไปยัง B2S หลายแห่งในกรุงเทพฯ ซึ่งที่บอกว่าทำไมเลือก B2S เพราะเรามองว่ามัน mass ที่สุดในบรรดาร้านหนังสือทั่วไป แล้วก็ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของคนดู Netflix ด้วย นอกจากนี้ แต่ละสาขาเราก็คัดเลือกสาขาที่ทราฟฟิกดีที่สุดด้วย นอกจากนี้ พื้นที่หรือ Ad Placement ดึงดูดสายตา เราก็ทำงานร่วมกับ B2S ที่ให้คำแนะนำเราได้ดีมากว่า เกาะหนังสือตรงไหนที่เด่นสะดุดตาที่สุดในร้าน ตรงไหนที่คนเดินผ่านเยอะที่สุด เราก็มาทำเป็นเกาะหนังสือ รวมไปถึงพื้นที่ที่ไม่เคยทำเป็น “สื่อ” มาก่อน ก็คือ Best seller book ซึ่งปกติก็จะเป็นการจัดอันดับหนังสือทั่วไป แต่เราเลือกที่จะใช้พื้นที่ตรงนั้น เป็น Ad Placement อีกหนึ่งแห่งด้วย เพราะถ้าคนเรามันจะประสบความสำเร็จจะรวยจริงได้ หนังสือของเขาจะต้องวางตรงนั้น นี่คือสิ่งที่เราคิดมาแล้ว
เมื่อถามว่า หนังสือที่ใช้โปรโมทเป็นหนังสือจริงไหม “ภาคย์” ตอบว่า คงไม่ใช่ เพราะหน้าที่ของมันคือการพาไปยังสตรีมมิ่ง Netflix แต่ในเล่มก็จะมีบทเรียนของซีรีส์ทั้ง 9 ตอน ที่สามารถสแกน QR เพื่อไปดูที่ Netflix ได้ เพราะถ้าเกิดว่าเราทำเป็นหนังสือรูปเล่มจริงๆ หรือออกมาสอนกันจริงๆ ก็คงไม่มีใครอยากจะกลับไปดูในซีรีส์ หนังสือเล่มนี้ก็จะไม่ได้ทำหน้าที่ในการเป็นมีเดียตามที่ควรจะเป็น
ไอเดียที่เกิดจากการแตกหน่อของการมีสื่อในรูปแบบต่างๆ เป็นสิ่งที่เกิดจาแนวคิด Horizontal Creativity ที่ตั้งใจไว้หรือไม่ ภาคย์บอกว่า ใช่เลย สิ่งที่เราทำคือการหนีออกจากสิ่งเดิม หาช่องทางใหม่ๆ ให้คนเดาทางแคมเปญของ Netflix ไม่ได้เลย ให้มันเดาทางกันไม่ออกเลยว่ามันจะออกมาท่าไหน ทำแล้วคนต้องพูดว่า “เอ้ย! มึงคิดได้ไงวะ” หรือ “กราบไอเดียเลย” อะไรแบบนี้ แต่ถึงจะต้องหาทางหนีหลุดจากไอเดียงานเดิม หรือแม้แต่จะต้องเป็น Horizontal Creativity สิ่งสำคัญของการทำเรื่องนี้ก็คือ มันก็จะต้องกลับไปหาตัวโปรดักส์ให้ได้ด้วยนี่คือ Key element ที่สำคัญที่สุด แล้วเราไม่ได้ทำอะไรใหญ่โต แต่เป็นสิ่งที่รีเลทไปที่ตัวแบรดน์หรือโปรดกักส์ อย่าง Netflix มันคือเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ดังนั้น งานมันก็จะต้องสนุก ตื่นเต้น เพื่อให้เกิดความรู้สึกว่าอยากไปดูซีรีส์ต่อด้วย
ที่เราต้องทำขนาดนี้ แตกไอเดียด้วยชาเลนจ์ใหม่ๆ เพราะความสนใจของผู้คนน้อยลงและเบื่อง่ายมากขึ้นหรือเปล่า ภาคย์ตอบว่า “มันคือหน้าที่ของนักโฆษณาอยู่แล้ว ในการเสาะหาสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ มันคือหน้าที่ของพวกราที่ต้องคิดกันอยู่แล้ว แต่เพียงแค่ว่า ถ้ามันจะใหม่มันต้องเป็น Context ของไอเดียที่เกี่ยวกับสิ่งที่เราจะต้องสื่อสาร ไม่เช่นนั้นไอเดียอันนั้นก็ไม่มีประโยชน์”
น่าจะเป็นมิติใหม่ที่เราเชื่อว่าน่าจะยังไม่มีใครเคยทำมาก่อน ในการใช้ ‘หนังสือ-แผงหนังสือ’ มาเป็น “มีเดีย” เพื่อโปรโมทซีรีส์ แล้วพากลับไปดูที่สตรีมมิ่งออนไลน์ อย่างไรก็ตาม “ภาคย์” แย้มให้ฟังว่า แค่นี้ยังไม่พอเร็วๆ นี้เขายังมีอีก “มีเดีย” ที่รอจะเซอร์ไพรส์ขยี้โปรโมทซีรีส์เรื่องนี้อีก ให้จับตารอดูให้ดี