เปิดกลยุทธ์ใหม่ The Voice Thailand 2024 การกลับมาในยุคที่รายการทีวีไม่มีคำว่าง่าย

  • 103
  •  
  •  
  •  
  •  

ย้อนกลับไปตอนที่ทำซีซั่นพิเศษอย่าง The Voice All Stars ซึ่งออกอากาศในปี 2565 นั้น ทางผู้จัดตั้งใจว่า หลังจากที่ทำรายการมาครบ 1 ทศวรรษพอดี นั่นคือภาพจบที่สวยแล้ว จบเนื่องจากการทำรายการทีวีในยุคนี้ไม่ใช่ของง่ายอย่างที่ทุกคนรู้ บวกกับโปรดักชั่นของ The Voice เองก็ใหญ่มาก ต้องใช้ทีมงานมหาศาล

แต่แล้ววันหนึ่ง คุณโอ๋-พัฒนี จรียะธนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท EXIT 365 ในฐานะผู้ผลิตผู้ถือลิขสิทธิ์รายการ ได้มีโอกาสไปหาคุณนนท์-ณัฐฏ์ฐพัฒฑุ์ ฉันทะนิธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท T&B World Artist ซึ่งคุณนนท์ได้ถามคุณโอ๋ว่า ทำไมไม่กลับมาทำ The  Voice ประกอบกับ ดร.ชวัลวัฒน์ อริยวรารมย์ หรือ ‘ดร.แตน’ ประธานกรรมการบริหาร และผู้ก่อตั้ง บริษัท T&B Media Global ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ World Artist นั้นเป็นแฟนตัวยงของรายการ จึงเกิดการจับมือของพันธมิตรใหม่ และเกิด The Voice ซีซั่นนี้ขึ้นมาในที่สุด 

โดย The Voice Thailand 2024 จะออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 18.00 น. ทางช่อง One 31 เริ่มตั้งวันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน 2567

กลับมาทั้งทีกับพันธมิตรใหม่และเป็นการขึ้นทศวรรษใหม่ แน่นอนว่าต้องมีการเขย่าตัวรายการ ปรับรูปแบบการนำเสนอ พร้อมกับการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่ๆ 

เชื่อมโยงผู้ชมจากทั้งทีวีและแพลตฟอร์มออนไลน์เข้าด้วยกัน 

พฤติกรรมผู้ชมในยุคดิจิทัลที่มุ่งสู่การรับชมคอนเทนต์ผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นนั้น เป็นสิ่งที่ The Voice Thailand ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง Facebook Fanpage ของรายการมีผู้ติดตามกว่า 6.7 ล้านคน, YouTube ที่มีผู้ subscribed ถึง 6.8 ล้านคน และ TikTok ที่มีผู้ติดตามถึง 1.5 ล้านคน นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผู้ชมบนโทรทัศน์ที่ยังคงติดตามรายการอย่างเหนียวแน่น ส่งผลให้ The Voice Thailand ยังคงเป็นรายการเพลงที่มีเรตติ้งสูงสุดอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย

พัฒนี จรียะธนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท EXIT 365 ผู้ผลิตผู้ถือลิขสิทธิ์รายการ The Voice Thailand

The Voice Thailand 2024 จึงได้ปรับกลยุทธ์การผลิตและการนำเสนอเนื้อหาเพื่อสอดรับกับความต้องการของผู้ชมยุคใหม่ โดยการผสานการรับชมรายการสดผ่านหน้าจอทีวีเข้ากับการมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างประสบการณ์การรับชมที่ครอบคลุมตั้งแต่การอุ่นเครื่องก่อนออนแอร์ไปจนถึงการพูดคุยกันหลังจบรายการ และเชื่อมโยงผู้ชมจากทั้งสองแพลตฟอร์มเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างประสบการณ์การรับชมที่ไร้รอยต่อและครอบคลุมยิ่งขึ้น 

นอกจากนี้ปีนี้ยังเป็นปีแรกที่ The Voice Thailand ไปลงสตรีมมิ่งอย่าง Netflix โดยจากสตรีมหลังออกอากาศทางทีวีประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง

“อย่างที่บอกแค่สปอนเซอร์อย่างเดียวไม่พอ ยังไงเราต้องหา second platform ด้วย แต่ก็เจอค่าลิขสิทธิ์เพลงเยอะ ได้กำไรน้อยมากๆ แต่เรามองถึงความเป็นอินเตอร์ เพราะเน็ตฟลิกซ์เพิ่งซื้อ The Voice America มา เราเลยรู้สึกว่าเราได้รีรันในเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งเชื่อว่าเด็กเน็ตฟลิกซ์คือทาร์เก็ตของ The Voice แน่ๆ ก็เป็นมิติที่ดี” คุณโอ๋ พัฒนี เล่า

ส่วนการซื้อเวลาของช่องในปีนี้เป็นการซื้อเวลา 100% ไม่ได้เป็นแบบ time-sharing เนื่องจากได้ทาง T&B World Artist มาซัพพอร์ต มีทีมขาย ส่วนใหญ่ขายเป็นแพคสปอนเซอร์ มีวีทีอาร์ และไม่ได้ขายสปอต แต่ขายสกู๊ปสปอต ทำไทอิน ซึ่งอาจจะขัดใจผู้ชมบ้าง แต่ว่าก็ต้องทำเพื่อเป็นรายได้ของรายการ 

ข้อมูลน่าสนใจอื่นๆ เช่น ฐานคนดู The Voice ถ้าเป็นทีวีจะเป็นกลุ่มผู้ใหญ่อายุ 25 ปีขึ้นไปถึง 60-70 อากงอาม่า แต่ถ้าเป็นออนไลน์จะเป็นผู้หญิงที่เป็น Bangkok Urban คนทำงาน และรายการออกอากาศในช่วงของแฟมิลี่ไทม์ คือหกโมงเย็นวันอาทิตย์ 

โค้ชใหม่ กติกาใหม่ กับประสบการณ์ที่แปลกใหม่กว่าเดิม

คุณโอ๋บอกว่า พอจะกลับมาทำ The Voice ซีซั่นใหม่ สิ่งแรกที่นึกถึงก็คือเรื่องของโค้ช

“อย่างที่ทราบ ปัจจัย สำคัญของ The Voice ก็คือโค้ช โค้ชคือเคมีหลักที่จะทำให้รายการมีความสนุกสนาน เลยคิดกันในทีมว่า เอาใครดี พอเพราะผ่านมา 10 ปีแล้ว ซีซั่นใหม่ เริ่มทศวรรษใหม่ เราก็ควรจะมีการเปลี่ยนแปลง ก็เลยมองว่าต้องมีพี่ก้อง (สหรัถ สังคปรีชา) โค้ชตัวพ่อ แชมป์ซีซั่น 1 ต้องมา มีพ่อแล้วก็ต้องมีแม่ ขาดไม่ได้ โค้ชคิ้ม (เจนนิเฟอร์ คิ้ม) ตัวแม่ของเรา เจ้าของแชมป์ซีซั่นสุดท้าย พอเรามีองค์ประกอบของ 2 โค้ชแล้ว ซีซั่นใหม่ก็ควรจะมีโค้ชน้องใหม่เพื่อมาบาลานซ์ให้รายการรู้สึกว่าเฟรช เลยได้โค้ชโอ๊ต (ปราโมทย์ ปาทาน) เพื่อมาเพิ่มความสนุกสนาน เป็นทายาทของโค้ชป๊อป (ปองกูล สืบซึ้ง) คนสุดท้าย น้องเล็ก โค้ชจ๋าย ไททศมิตร (อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี) พอมีโอกาสได้ไปคุยรู้สึกว่าสุด เป็นคนที่มีความสามารถมากๆ และน่าสนใจ น่าจะทำให้รายการสนุกสนานได้ เลยเป็นโค้ช 4 คนนี้ เป็นองค์ประกอบที่ลงตัว”

ขณะที่รูปแบบรายการ คุณโอ๋บอกว่า ไม่เปลี่ยนไม่ได้ เพราะจะน่าเบื่อ จึงได้มีการคุยกับเจ้าของลิขสิทธิ์ว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง ทำให้ซีซั่นนี้มีกติกาเยอะขึ้นมากๆ ที่น่าสนใจเช่น การที่โค้ชสามารถกดปุ่มบล็อกโค้ชอีกคนให้เก้าอี้หันกลับและไม่มีสิทธิ์เลือกผู้เข้าแข่งขันไปเข้าร่วมทีม นอกจากนี้ยังเตรียมเซอร์ไพรส์หลายอย่างไว้เพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ๆ ให้คนดู

อีกข้อมูลที่น่าสนใจคือ ปีนี้การออดิชั่นไม่มีงบไปเปิดออดิชั่นตามจังหวัดต่างๆ แต่เปิดเป็นตู้ออนไลน์เหมือนโฟโต้บูธให้เข้าไปออดิชั่น ซึ่งปีนี้กระแสตอบรับดีมาก มีผู้เข้าออดิชั่นถึง 25,000 คน สูงสุดตั้งแต่เคยทำมา 

เสริมทัพพันธมิตร สร้างโอกาสในอุตสาหกรรมบันเทิง ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

ยอดรวมการลงทุน The Voice Thailand 2024 อยู่ที่ประมาณเกือบ 60 ล้าน การร่วมทุนจับมือกับ World Artists ซึ่งเป็นผู้นำด้านเอ็นเตอร์เทนเมนต์ครีเอเตอร์ในไทย เป็นการเสริมทัพให้ The Voice Thailand 2024 ก้าวสู่การเป็นแพลตฟอร์มที่ไม่เพียงแต่ค้นหาศิลปินหน้าใหม่เท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสทางธุรกิจในวงการเพลงไทยอีกด้วย

“เหมือนรายการเราเป็นต้นน้ำ เราต้องมีปลายน้ำที่ดี ซึ่งทาง World Artists  และ T&B ที่มีช่องทางหลายอย่าง ก็จะเป็นปลายน้ำที่ดีได้ พอจบรายการ ทาง World Artists ก็จะมีเซ็นสัญญาบางคนเข้าสังกัด รวมทั้งจะมีเปิดค่ายลูกทุ่งเพิ่ม เพราะรายการเรามีเพื่อชีวิตกับลูกทุ่งเยอะ ซึ่งอันนี้โอ๋ว่าดี อย่างน้อยจบรายการเราก็มีอะไรต่อยอด และไม่ใช่แค่เซ็นสัญญา ทาง World Artists ก็ยังมีการทำช่องคอนเทนต์ ให้โอกาสคนที่ไม่ถูกเลือกในรายการก็จริง แต่มีความสามารถ ทำคอนเทนต์ต่อเลย ร้องเพลงบ้าง โชว์บ้าง รวมไปถึงการทำคอนเสิร์ตต่อ” คุณโอ๋บอก

(จากซ้าย) ดร.ชวัลวัฒน์ อริยวรารมย์ ประธานกรรมการบริหาร และผู้ก่อตั้ง บริษัท T&B Media Global, ณัฐฏ์ฐพัฒฑุ์ฉันทะนิธิกรรมการผู้จัดการ บริษัท T&B World Artist

ด้าน ดร.แตน เสริมในเรื่องของวิสัยทัศน์ของ T&B และแพลตฟอร์มที่กำลังทำอยู่ว่า 

ถ้าเราคิดโมเดลเดิมๆ เราก็จะอยู่ที่สปอนเซอร์เอยอะไรเอย ตอนนี้สิ่งที่ทาง T&B คิด เราคิดเรื่องเทคโนโลยี เอา AI มาเกี่ยว เอาเมตาเวิร์สมาเกี่ยว ตอนนี้เรากำลังสร้างแพลตฟอร์มอยู่ ที่ยิ่งคนทำดียิ่งมีรายได้ดี เป็นที่ที่รวมคนวิสัยทัศน์ดีๆ มาอยู่ร่วมกัน เราได้ศิลปินมาแล้วมันเป็นที่ที่ให้โอกาสน้องๆ ไม่ใช่เพียงแค่ในออนกราวด์เฉยๆ แต่น้องๆ สามารถที่จะออนไลน์แล้วไปสู่ทั่วโลกได้เลยในเวลาเดียว ฐานของเมตาเวิร์สตัวนี้มีเป็นสิบล้านร้อยล้าน น้องแค่แสดงอะไรออกมาทีเดียวผู้ชมคือไม่ใช่แค่ในประเทศ แต่อินเตอร์เนชั่นแนลด้วย เพราะฉะนั้นพอขยับเลเวลขึ้นไปอย่างนี้ปั๊ป ฐานการหาเงินของเขามันมากขึ้นมหาศาล เรามองไว้ว่าจะลอนช์ในปี 2026 แพลตฟอร์มชื่อ Translucia” 

ปิดท้าย คุณโอ๋พูดถึงเสน่ห์ของรายการ The Voice ที่ทำให้แม้รายการจะอยู่มาสิบปีก็ยังมีกระแส

“โอ๋เชื่อค่ะว่าสุดท้ายแล้วเพลงไม่มีวันตาย เพียงแต่ว่าลักษณะแนวเพลงอาจจะมีเปลี่ยนไปบ้าง แมสส่วนใหญ่ดูดราม่าแน่ๆ เป็นเรื่องปกติ แต่สุดท้ายโอ๋ว่าถ้าเป็นรายการเพลง The Voice คืออันดับหนึ่งในไทย เราขายเรียล โค้ชทุกคนเรียล ไม่เคยเซ็ตคนแข่ง แล้วร้องบนเวที แม้จะตื่นเต้น แต่ร้องได้ทีเดียว เราไม่ให้เทค เพราะฉะนั้นเราขายความเรียล ขายความสนุก ขายตัวตนของโค้ช นั่นคอนเทนต์ที่ทำให้คนยังกลับมาดู 

“โอ๋มั่นใจในเรื่องของคุณภาพ ลองดูว่า ณ ปัจจุบัน ที่ตัดสินใจกลับมาทำ เพราะว่าท็อป 5 ของศิลปินชั้นนำตอนนี้ คือคนที่มาจากนามสกุล The Voice ไม่ว่าจะเป็น นนท์ ธนนท์, วี-วิโอเลต, โจอี้ ภูวศิษฐ์, โบกี้ไลอ้อน, มีนตรา อินทิรา โอ๋เชื่อว่านามสกุล The Voice ค่อนข้างศักสิทธิ์ เพราะสร้างความเชื่อมา รายการอยู่มาสิบปีก็ยังมีกระแส”


  • 103
  •  
  •  
  •  
  •