ในขณะที่สื่อทีวีดิจิทัลหลายแห่งประสบกับภาวะขรุขระบนเส้นทางใหม่นี้ แต่ปรากฏว่าช่องเวิร์คพอยท์กลับสามารถพิสูจน์ให้เห็นว่าถนนเส้นนี้ยังไปได้ และทำได้ดีเยี่ยมเสียด้วย ล่าสุด กับการประกาศแจงกำไรครึ่งปีแรกที่เติบโตมากกว่า 100%
ทั้งนี้ เว็บไซต์ฐานเศรษฐกิจ รายงานว่า สุรการ ศิริโมทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการเงินการลงทุน บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ครึ่งแรกของปีนี้บริษัทมีมีกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 162 ล้านบาท ซึ่งเติบโตราว 111% จากปีก่อน ที่มีกำไรเพียง 77 ล้านบาท สาเหตุหนึ่งมาจากกลุ่มธุรกิจทีวีเป็นหลัก โดยขยายตัวตามเรตติ้งที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทสามารถปรับราคาโฆษณาเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยอัตราการปรับค่าโฆษณาตั้งไว้ที่ 5-7% ต่อไตรมาส
“เมื่อ 2 ปีก่อนตั้งราคาโฆษณาเฉลี่ย 1 หมื่นบาทต่อนาที แต่ปัจจุบันสามารถขยับราคาโฆษณาได้อยู่ที่ 5 หมื่นบาทต่อนาทีในช่วงเวลาปกติ ขณะที่ช่วงไพรม์ไทม์ตั้งแต่ 18.00 -22.00น. มีราคาโฆษณาที่ 1.5 แสนบาทต่อนาที”
นายสุรการ กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตาม ช่วงปลายปีนี้มีแผนขยับเพิ่มราคาโฆษณาต่อเนื่อง หากสามารถทำเรตติ้งได้ตามเป้า 1.2 ภายในสิ้นปีนี้ และคาดว่าน่าจะส่งผลให้บริษัทมีรายได้รวมทั้งกลุ่มที่ 3,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้กลุ่มธุรกิจทีวี 2,500 -2,600 ล้านบาท อีเวนต์ 120-150 ล้านบาท แล้วคอนเสิร์ตละครเวที 130 ล้านบาท
สำหรับแผนครึ่งปีหลังยังคงเน้นการนำเสนอคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตผู้ชม ( Life Emtertainment) เนื่องจากรูปแบบคอนเทนต์ประเภทนี้กำลังมาแรงในทั่วโลก โดยเฉพาะรายการประกวดต่างๆ เช่นรายการประกวดร้องเพลง เป็นต้น เนื่องจากมองว่าพฤติกรรมผู้ชมส่วนใหญ่ทั้งในและต่างประเทศชื่นชอบการรับชมคอนเทนต์ที่ให้ความสนุกเข้าใจง่าย โดยปีนี้บริษัทได้ปรับลดงบประมาณลงทุนการผลิตคอนเทนต์และซื้อเข้ามาเหลือเพียง 550 -560 ล้านบาทจากต้นปีที่ตั้งไว้จำนวน 650 ล้านบาท
ปัจจุบันสัดส่วนคอนเทนต์ของช่องเวิร์คพอยท์ทีวีกว่า 80% เป็นคอนเทนต์เอนเตอร์เทนเมนต์ และที่เหลือ 20% เป็นคอนเทนต์ข่าวสารและสาระ ทั้งนี้ ในปี 2559 บริษัทได้ตั้งเป้ารายได้จากการขายลิขสิทธิ์รายการเติบโต 30-40 % เมื่อเทียบจากปีก่อน โดยตอนนี้ขายรายการในรูปแบบฟอร์แมทไป 10 รายการ และขายแบบสำเร็จรูป ไป 10 รายการ ซึ่งไปแล้วหลายประเทศ อาทิ ฝรั่งเศส อังกฤษ สวีเดน เปรู อินโดนีเซีย เวียดนาม กัมพูชา พม่า สิงคโปร์ และล่าสุดคือรายการปริศนาฟ้าแลบ ที่ทางประเทศอเมริกาซื้อไป ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีมาก และยังมีรายการมวยอย่าง ซูเปอร์มวยไทย ที่ตอนนี้ประเทศฝรั่งเศสซื้อไปแล้วเช่นกัน