หลังผ่านการประมูลทีวีดิจิทัลมาหลายปี สะท้อนให้เห็นสภาพของการแข่งขันที่สูง และการแบกรับภาระไม่ไหวของค่าประมูล ทำให้เกิดข้อเสนอเรื่องการใช้ ม.44 เข้ามาช่วยเยียวยา ผู้ประกอบการ ล่าสุด เริ่มมีความชัดเจนจากประเด็นนี้มากขึ้น
โดยในการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มีการพิจารณาแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ซึ่งประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจ ทั้งการแข่งขันสูง คนดูดูทีวีน้อยลงทำให้หาโฆษณาได้ยาก อีกทั้งข้อกำหนดบางประการของ กสทช.ยังมีความไม่สมบูรณ์ จึงมีข้อเสนอว่าจะไม่ขอชำระค่างวดอีก 5 งวดที่เหลือ
ทั้งนี้ ที่ประชุม คสช.มีมติสรุป 3 แนวทางการช่วยเหลือดังนี้
- อนุญาตให้พักชำระหนี้ได้ 3 งวด จาก 5 งวดที่เหลือในปี 2561, 2562, 2563, 2564, 2565 เพื่อให้มีกำลังเก็บเงินไว้ทำให้ธุรกิจเกิดสภาพคล่อง แต่การพักชำระหนี้ 3 งวดจะต้องจ่ายดอกเบี้ย 1.5%
- กสทช.จะช่วยจ่ายค่าโครงข่ายให้ครึ่งหนึ่ง หรือ 50% เป็นเวลา 2 ปี ซึ่งปัจจุบันมีโครงข่ายดิจิทัลที่ให้บริการอยู่ 4 เจ้าด้วยกัน ได้แก่ อสมท , กรมประชาสัมพันธ์, สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และ สถานีโทรทัศน์ช่อง 5
- อนุญาตให้โอนใบอนุญาตได้ หากมีผู้สนใจอยากขอซื้อต่อก็สามารถโอนกิจการได้
ซึ่งหลังจากที่ คสช.ประกาศแนวทางช่วยเหลือ 3 แนวทาง ก็ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มทีวีดิจิทัลปรับตัวเพิ่มขึ้นทันที เช่น ราคาหุ้น เวิร์คพอยท์ เวลา 15.02 น. เคลื่อนไหวอยู่ที่ 65.25 บาท เพิ่มขึ้น 3.75 บาท หรือ 6.10% ราคาหุ้น โมโน ณ เวลา 15.02 น. เคลื่อนไหวอยู่ที่ 4.18 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท หรือ 1.95% เป็นต้น
ก่อนที่ช่วงเย็น พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาชี้แจงย้ำว่า ผลการประชุมของ คสช.ที่เกี่ยวกับทีวีดิจิทัลดังกล่าวนั้น ยังเป็นเพียงการรับทราบหลักการในเบื้องต้นเท่านั้น โดยอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปนำกลับไปพิจารณาให้รอบคอบอีกครั้งว่าต้องเพิ่มเติมประเด็นใดหรือไม่ เพื่อมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปร่างเป็นมาตรา 44 ก่อนที่จะนำเสนอหัวหน้า คสช. ต่อไป