หาก Facebook เป็นประเทศ มันก็เป็นประเทศที่มีประชากรเยอะที่สุดในโลก (พลเมืองกว่า 1.55 พันล้านผู้ใช้ในเดือนม.ค. 2016)
ช่วงเวลาที่ Facebook ปรากฏตัวขึ้นคือช่วงที่ My Space เริ่มไม่เป็นที่นิยมซึ่งเปิดทางให้แฟลตฟอร์มหน้าใหม่ขึ้นมาโด่งดัง ทุกวันนี้ Facebook กลายเป็นแฟลตฟอร์มที่นิยมมากที่สุดในโลกโซเชียลมีเดีย ไม่น่าจะมีมาร์เกตเตอร์คนไหนที่ไม่ใช้ Facebook เพราะ
กว่า 75% ของประชากรบนโลกอินเตอร์เน็ตจะใช้โซเชียลมีเดียด้วย
90% ของบริษัทสหรัฐฯ ใช้โซเชียลมีเดียทำการตลาด
ต่อไปนี้เป็น 4 เทรนด์ที่แบรนด์น่าจะต้องใส่ใจเพราะเป็นเทรนด์ที่อินอยู่เสมอ และมีน่าจะมีประโยชน์สำหรับการตลาดออนไลน์ในปี 2016 นี้
1.Live-streaming video
การใช้วีดีโอถ่ายทอดสดช่วยให้คอนเทนต์เป็นธรรมชาติ สดใหม่ซึ่งเป็นกลยุทธ์ของหลายแบรนด์ที่ต้องการ engagement ที่แข็งแรงจากตลาดมากขึ้น ซึ่งตอนนี้โซเชียลมีเดียหลายแฟลตฟอร์มก็นำบริการลักษณะนี้มาใช้ เช่น Twitter หรือ Facebook
มาร์เกตเตอร์สามารถใช้บริการ live-stream ในหลายลักษณะตั้งแต่ขายของออนไลน์จนถึงการฟีตคอนเทนต์สนุกๆ ขณะที่นักข่าวก็สามารถใช้ live-streaming ในการรายงานข่าวสด หรือนักร้องสามารถถ่ายทอดสดการร้องเพลงของตัวเองหรือศิลปินที่เชิญมาได้
Live-streaming เป็นเทรนด์ที่มาและจะไม่เอ้าท์ในช่วงเวลานี้เพราะมีความต้องการจากผู้บริโภคสูงมากเพราะผู้ใช้ชอบคอนเทนต์ที่เรียลไทม์และสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับมันได้
2. ปุ่ม Buy/Shop now
ความผ่อนคลายและความสะดวกเป็นส่วนสำคัญในประสบการณ์การใช้งานของผู้บริโภค ในปี 2014 Facebook เริ่มเปิดให้ผู้ใช้ซื้อหรือขายของผ่านแฟลตฟอร์มโดยไม่ต้องลิงค์เข้าไปหน้าเว็บไซต์หลักของตัวเอง นอกจากนั้นยังสามารถใส่ปุ่ม buy now ในโพสต์ได้ มันทำงานได้ดีมากทีเดียว ในเวลาต่อมาโซเชียลมีเดียอื่นๆ เช่น Pinterest, Instagram และ Twitter ก็เริ่มเอาตัวอย่างตาม ตอนนี้ใครที่ทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซก็ต้องใช้ฟีเจอร์ปุ่ม Shop/Buy กันเป็นส่วนใหญ่
3.การกลัวภัยแฮคข้อมูล
ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจคือกว่า 90% ของชาวมะกันได้รับผลกระทบจากการหลุดรั่วของข้อมูล บริษัทอย่าง Target หรือ Ashley Madison ทำให้ข้อมูลของผู้บริโภคหลายล้านคนตกอยู่ในความเสี่ยง
ผู้บริโภคปัจจุบันจึงเกิดความลังเลที่จะแชร์ข้อมูลส่วนตัว แม้แต่อีเมล์ให้แก่แบรนด์ การทำให้พวกเขาเปิดใจจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุดของแบรนด์ในขณะนี้
4.Messaging apps ทำให้แบรนด์เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น
มีเทรนด์ที่สนใจสองอย่างตรงจุดนี้
4.1 แอพฯ แมสเซจจะร่วมมือกับแบรนด์เพื่อให้สารสามารถไหลเวียนระหว่างแบรนด์และลูกค้าได้ Facebook Messenger เคยร่วมมือกับ Uber เพื่อเปิดจองรถผ่าน Messenger ซึ่งรวดเร็วและได้ผลดีพอสมควรทีเดียว
4.2 Native apps จะเริ่มเชื่อมต่อผู้ใช้มากขึ้น การศึกษาของ Starbucks ที่สร้างข้อความที่มีความเป็นส่วนตัวให้แก่ลูกค้าเป็นรายๆ สร้างความเชื่อถือของลูกค้าต่อแบรนด์มากยิ่งขึ้น แม้จะมีกระแสต้านอย่างความกังวลในการรั่วไหลของข้อมูลเข้ามาแทรกแซง