เมื่อคอนเทนต์ออนไลน์ ตอกย้ำความดังผ่านพอคเก็ตบุค

  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  

เมื่อพูดถึงโลกออนไลน์ในสมัยก่อนเปรียบเทียบกับปัจจุบันนี้ จากที่เคยถูกมองว่าเป็นเพียงสังคมเล็กๆที่เอาไว้ใช้เพียงแค่เอาไว้เล่นกัน ปัจจุบันวิถีชีวิตออนไลน์และออฟไลน์ถูกหล่อหลอมรวมกันกลายเป็นสังคมที่แยกจากกันไม่ออก สื่อปัจจุบันจากที่เคยนำเสนอเรื่องราวในออนไลน์แค่เพียงเล็กน้อยกลับกลายเป็นต้องหาข้อมูลข่าวจากในออนไลน์ เมื่อครั้งไหนออนไลน์เป็นกระแสก็จะถูกหยิบยกมาเป็นวาระสำคัญที่ไม่พูดถึงในทีวีไม่ได้ หรือแม้กระทั่งการเคลื่อนไหวที่เริ่มต้นจากในออนไลน์ก็สามารถขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงได้ทั้งในระดับภาคธุรกิจและระดับสังคม ทั้งนี้ยกความดีความชอบให้กับการเกิดมาของยุคโซเชียลมีเดีย

ในโลกของสื่อสิ่งพิมพ์ก็เช่นกัน เราเริ่มเห็นคนดังในโลกออนไลน์ทยอยตบเท้าออกหนังสือพอคเก็ตบุคมาให้เราได้อ่านกันอยู่เรื่อยๆทุกปี หากลองมองย้อนไปในอดีตเท่าที่จะสืบหาข้อมูลได้ปรากฏการณ์นี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ยุคนิยายออนไลน์จากเวบไซท์ dek-d ถูกต่อยอดนำมาตีพิมพ์เป็นนิยายขายดิบขายดี จากนั้นมาสู่ยุคบล็อคที่บล็อคเกอร์หลายๆท่านถูกใจแมวมองจนได้ออกหนังสือเป็นของตนเอง หลายๆท่านคงเคยเห็น “การ์ตูนไอ้แป้น” ตัวการ์ตูนที่มีคาแรคเตอร์สีดำวาดจากโปรแกรม paint  หรือการ์ตูน “มุนิน” ก็เป็นนักวาดกลุ่มแรกๆที่ได้ออกหนังสือ ก่อนที่ยุคโซเชียลมีเดียอย่างเฟสบุคจะเฟื่องฟูและมีศิลปินออนไลน์อีกหลายๆท่านได้ฝากผลงานออกมาเป็นหนังสือภาพหรือพอคเก็ตบุคในเวลาต่อมา

คนดังในโลกออนไลน์ หรือที่เราเรียกทั่วๆไปว่า Online Influencers มีหลากหลายแขนง เพราะโลกออนไลน์เป็นสื่อเสรีที่สามารถแสดงออกถึงตัวตนของเราได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม เรื่องราวของคนเหล่านี้ก็ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนนับล้านให้ลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเอง ได้เสพสิ่งบันเทิงที่หาไม่ได้จากสื่อทั่วไป และในที่สุดเรื่องราวจากแค่ในออนไลน์ก็ถูกต่อยอดออกมาเป็นพอคเก็ตบุคให้เราได้อ่านกัน คอลัมน์นี้รวบรวมพอคเก็ตบุคเหล่านี้เท่าที่พอจะหาได้พร้อมกับสามเหตุผลที่อธิบายว่าทำไมเรื่องราวในโลกออนไลน์กับพอคเก็ตบุคถึงเชื่อมต่อกัน

influecer-book-1

การันตีต้วยแฟนหลักแสน ถึงหลักล้าน

เมื่อเทียบกับก่อนยุคโซเชียลมีเดีย พ็อคเก็ตบุคที่ออกส่วนมากจะมาจากดาราศิลปินหรือคนดังตามหน้าจอทีวีต่างๆ เนื่องจากมั่นใจได้ว่าจะมีเรตติ้งหรือฐานแฟนสูงตามความนิยม แต่ในยุคนี้เราสามารถวัดจำนวนฐานแฟนได้จากยอด Likes หรือ Followers ตามโซเชียลมีเดียต่างๆ บางแห่งมีผู้ติดตามหลักหลายแสน จึงมั่นใจได้ว่าฐานแฟนเหล่านี้พร้อมที่จะสนับสนุนอุดหนุนคนที่พวกเขาชื่นชอบ อย่างไรก็ตามความนิยมเป็นเพียงตัวสร้างความมั่นใจในยอดขายได้ระดับหนึ่ง สิ่งสำคัญคือคอนเทนต์หรือเนื้อหาที่อยู่ในพอคเก็ตบุค

ได้อ่านเรื่องราวอื่นๆนอกเหนือจากในออนไลน์

แนวทางคอนเทนต์ที่อยู่ในพ็อคเก็ตบุคแต่ละเล่มจะขึ้นอยู่กับเนื้อหาของแต่ละ Online Influencers ซึ่งก็จะมีความแตกต่างกันออกไป สามารถจำแนกคร่าวๆได้ดังนี้

  • เป็นคอนเทนต์ที่รวบรวมเนื้อหาที่มีอยู่แล้วในออนไลน์ ซึ่งอาจมีการเรียบเรียงใหม่เล็กน้อยหรือเพิ่มเติมเนื้อหาพิเศษเข้าไป เน้นให้แฟนคลับเก็บเป็นคอลเลคชั่นสะสม
  • คอนเทนต์ที่ถูกสรรสร้างขึ้นมาใหม่หมด แต่เป็นไปในแนวทางเดียวกับที่ทำอยู่ในออนไลน์ เรียกได้ว่าเป็นเวอร์ชั่นพิเศษที่มีเฉพาะในพอคเก็ตบุคเท่านั้น หนังสือแนวทางนี้จะพบมากในแนววาดภาพต่างๆ อาทิ “คิ้วต่ำ”  “หมาจ๋า” “หมึกซึม” เป็นต้น
  • คอนเทนต์ที่ถูกสรรสร้างขึ้นมาใหม่หมด  แต่เป็นการเล่าในมุมมองใหม่ มีเค้าโครงที่ออกจะต่างจากฟอร์แมตที่อยู่ในออนไลน์ มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบในการนำเสนอมาให้เหมาะกับเวอร์ชั่นพอคเก็ตบุคมากขึ้น แต่ยังอยู่ในความรู้ความสามารถเฉพาะทางหรือในสิ่งที่คนดังเหล่านั้นสนใจ มีการใช้ชื่อหรือตัวตนในออนไลน์มาเป็นจุดขายหลักมากกว่าแนวทางของตัวคอนเทนต์ที่อยู่ในออนไลน์หรือควบคู่กันไป ตัวอย่างของพอคเก็ตบุ๊คแนวนี้ อาทิเช่น “ดราม่าเอย ซับซ้อนยิ่งขึ้น” ของจ่าพิชิตฯ จาก drama-addict ที่นำเสนอความรู้เรื่องตรรกะวิบัติ (Fallacy) มาประกอบกับเนื้อหาดราม่าบนโลกออนไลน์ที่เคยนำเสนอ  “แมงเม่าคลับ” ซึ่งเป็นเวบไซท์ที่นำเสนอความรู้การเล่นหุ้น เนื้อหาภายในพอคเก็ตบุ๊คเป็นเรื่องหุ้นเหมือนกันแต่มีความแตกต่างจากในเวอร์ชันออนไลน์ หรือ “ไม่ต้องลาออก ก็ประสบความสำเร็จได้” แนวพัฒนาตัวเองที่เป็นหมวดหนึ่งจาก Nuttaputch.com
  • คอนเทนต์แนวชีวประวัติ ซึ่งพูดถึงที่มาที่ไปกว่าจะมามีชื่อเสียงในโลกออนไลน์ หรือเป็นแนว Side Story ที่แฟนคลับอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน ก็จะนำมาขยายความอยู่ในพ็อคเก็ตบุ๊ค หนังสืออย่าง “ทูนหัวของบ่าว” หรือ “Gluta Story” ที่เพิ่งออกมาใหม่ก็นับรวมอยู่ในกลุ่มนี้

influecer-book-3

ตอกย้ำคุณค่า ด้วยการออกหนังสือ

การออกหนังสือพอคเก็ตบุคแต่ละเล่ม สำหรับผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ในโลกออนไลน์แล้วถือเป็นการยกระดับและการันตีคุณค่าที่มีอยู่ในตัวเอง อีกทั้งยังเป็นความใฝ่ฝันของคนหลายๆคน  ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันการได้ออกหนังสือของตัวเองสู่สาธารณชนถือว่าเป็นค่านิยมและตัวบ่งชี้ถึงการถูกยอมรับในสังคมในวงกว้าง

influecer-book-2

จากงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 43 และงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 13 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เฟสบุ๊คเพจชื่อดังอย่าง “Gluta Story” ที่ทาง marketingoops ได้เคยสัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้ ก็ได้ออกพอคเก็ตบุคกับสำนักพิมพิ์ a book ในชื่อเดียวกันคือ Gluta Story เรื่องเล่าหลังฝนซา ของหมาหลงทาง ภายในหนังสือเล่มนี้ตีแผ่เรื่องราวบุปเพสันนิวาสของสุนัขจรจัดสองตัวที่ชื่อกลูต้ากับกอลลั่มที่ได้มาเจอกับเจ้านายผู้ใจดีผู้มากความสามารถในการถ่ายภาพและวีดีโอ จนในที่สุดได้กลายเป็นสุนัขเซเล็บในโลกออนไลน์ ในหนังสือเล่มนี้มีทั้งภาพถ่ายและเรื่องราวที่ทั้งเคยเห็นและไม่เคยเห็นมาก่อน เนื้อหาอิ่มเอมไปด้วยความผูกพันระหว่างคนกับสุนัข หนังสือเล่มนี้อ่านเพลินเผลอแปบเดียวก็อ่านจบแล้ว นอกจากนั้นยังมีคลิปโปรโมทน่ารักๆ ที่อยากบอกให้รู้ว่ายังมีสุนัขอีกหลายตัวตามท้องถนนที่ควรจะได้รับการดูแลการเอาใจใส่ หรือดีที่สุดควรมีเจ้าของที่แท้จริงสักที ลองชมกันครับ

เมื่อผมอาบน้ำให้หมาจรรอบๆหมู่บ้าน

httpv://youtu.be/zD0hXokTts8

influecer-book-4

สุดท้ายนี้เราได้สอบถามไปที่คุณยอร์ช สรศาสตร์ วิเศษสินธุ์ หรือพ่อของกลูต้าและกอลลั่ม ผู้แต่งและถ่ายภาพหนังสือเล่มนี้ เกี่ยวกับที่มาของการออกพอคเก็ตบุ๊คฉบับนี้คุณยอร์ชตอบว่าการออกหนังสือเล่มนี้เพราะอยากเป็นแรงบันดาลใจให้คนอยากอุปการะสุนัขจรจัดมากขึ้น อยากให้ตัวอักษรและรูปภาพในหนังสือทำให้คนที่มาดูได้มาเจอความน่ารักของสุนัขคู่นี้แล้วหายเครียด เพราะภาพของกลูต้านั้นส่วนใหญ่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่เขียวขจี ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม อาจเป็นเพราะรอยยิ้มนั้นสร้างรอยยิ้มต่อได้  ส่วนคลิปอาบน้ำสุนัขจรก็ล้อไปกับหนังสือเล่มนี้ทั้งความตั้งใจที่อยากให้คนรับเลี้ยงหมาจรและแสดงให้เห็นถึงความสดชื่นของสุนัขที่ได้อาบน้ำครั้งแรกในชีวิต จบท้ายด้วยคำคมๆที่บอกคุณค่าของความเป็นหนังสือในแบบที่ออนไลน์ไม่สามารถทดแทนที่ได้ครับ

“เพราะหนังสือมีอายุยืนยาวเป็นร้อยๆปี สามารถตีพิมพ์ซ้ำได้ไม่รู้จบสิ้นครับ หนังสือยืนยาวกว่าชีวิต ยิ่งเป็นชีวิตของหมาแล้ว เวลายิ่งสั้นลงไปอีก”

เจอประโยคนี้เข้าคนรักหนังสือคงยิ้มแก้มปริแน่เลย


  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  
Kittipat Mahapunt
ทำงานด้านกลยุทธ์การสื่อสารทางด้านดิจิตอลให้กับเอเจนซี่โฆษณา ปัจจุบันมีประสบการณ์ตรงในด้านการวางกลยุทธ์ดิจิตอลมามากกว่า 7 ปี เห็นความเคลื่อนไหวในวงการมาโดยตลอด ชื่นชอบในงานโฆษณาที่ยกระดับวงการ และมีความสุขเมื่อเห็นงานจากไทยมีคุณภาพยกระดับทัดเทียมเมืองนอก