ฮือฮามากหลังข่าวการตอบรับการมาเยือนไทยของ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ในปลายเดือนตุลาคมนี้ แต่ไม่เฉพาะแค่เจ้าพ่อเฟซบุ๊กเท่านั้นที่จะมาเยือนไทย เพราะเร็วๆ นี้อีก 2 ผู้นำด้านอี-คอมเมิร์ซจีน ได้แก่ แจ็ค หม่า แห่ง Alibaba และ ริชาร์ด หลิว ผู้บริหารหนุ่มจาก JD.com ก็จะมาไทยเช่นกัน
การเปิดเผยเรื่องการมาเยือนไทย เริ่มต้นที่ผู้นำด้านเศรษฐกิจของประเทศ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวกับสื่อว่า ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กจะเดินทางมาเยือนไทยวันที่ 30 ตุลาคมนี้ และจะเข้าพบกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีด้วย
“มองว่าเป็นโอกาสที่ดีที่เจ้าของธุรกิจออนไลน์ระดับโลกมาเยือน หลังจากก่อนหน้านี้เจ้าของกลุ่มธุรกิจด้านออนไลน์ต่างๆ ทั้งสหรัฐฯ และจีน ก็ให้ความสำคัญต่อยอดทางธุรกิจและสร้างความร่วมมือต่างๆ ในอาเซียนมากขึ้น จนหลายธุรกิจเปิดสาขาในสิงคโปร์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม ซึ่งไทยถือเป็นประเทศหนึ่งที่ถูกจับตามอง และเห็นโอกาสการมาลงหรือเป็นพันธมิตรทางใดทางหนึ่ง ในสายตาระดับโลก” นายสมคิด กล่าว
อย่างไรก็ตาม ถ้ายังจำได้เมื่อปีที่แล้ว พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกฯ ก็เคยให้สัมภาษณ์ว่าได้มีโอกาสพบกับซักเคอร์เบิร์ก พร้อมทั้งเชิญชวนให้มาไทย
ทั้งนี้ ซึ่งหลายฝ่ายกำลังจับตาว่า นอกจากเรื่องความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและด้านเศรษฐกิจอื่นๆ จะมีการพูดกันถึงเรื่องประเด็นความมั่นคงด้วยหรือไม่ เนื่องจากรัฐบาลไทยมีความกังวลเรื่องข้อมูลข่าวสารที่เผยแพร่อยู่ในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะเฟซบุ๊กว่าจะอาจจะมีข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเหมาะสมออกไปสู่สื่อออนไลน์ได้
และอย่างที่บอกไปว่าช่วงเวลาที่ซักเคอร์เบิร์กจะเดินทางมานั้น ก็เป็นเวลาไล่เรี่ยกับที่ผู้นำบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซจีน 2 รายเตรียมจะเดินทางมาไทยเช่นกัน
ริชาร์ด หลิว ประธานและซีอีโอของ JD.com
JD.com บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี อีคอมเมิร์ซ และด้านโลจิสติกส์ ว่ากันว่าเป็นคู่แข่งคนสำคัญของ Toabao เลย มีพันธมิตรสำคัญได้แก่ Tencent และ Walmart รวมไปถึงกลุ่มทุนรายใหญ่ของไทย Central Group ซึ่งระบุไว้ว่า จะร่วมกันผลักดันธุรกิจอีคอมเมิร์ซและฟินเทคในไทย ด้วยมูลค่าดีลสูงถึง 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (มากกว่า 15,000 ล้านบาท)
“ประเทศไทยมีประชากรจำนวนมาก ประกอบกับมีโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย และเครือข่ายด้านโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งเอื้อต่อการพัฒนาบริการด้านอีคอมเมิร์ซ และฟินเทคเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ การได้ร่วมงานกับกลุ่มเซ็นทรัล ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกของประเทศไทยที่มีห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าทั่วประเทศ ก็ช่วยเสริมศักยภาพและเป็นประโยชน์ต่อการขยายธุรกิจสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย” นายหลิว เคยให้สัมภาษณ์ไว้
สำหรับ ริชาร์ด หลิว หรือ หลิว เฉียงตง มีกำหนดการเยือนไทยเพื่อหารือยุทธศาสตร์การลงทุนในไทยและอาเซียน ร่วมกับกลุ่มเซ็นทรัล ต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งแน่นอนว่าประเด็นที่ไม่ควรพลาดก็คือ การผลักดันอีคอมเมิร์ซและฟินเทค
แจ็ค หม่า ประธานกลุ่มบริษัท Alibaba
หลังจากเคยมาเยือนเมืองไทยเมื่อปลายปีที่แล้ว นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ก็เปิดเผยว่า นายหม่า เตรียมที่จะเดินทางมาหารือร่วมกันที่ประเทศไทยอีกครั้ง ในเดือนพฤศจิกายน เพื่อติดตามความคืบหน้าการลงทุนของ LAZADA ในโครงการ Smart City
นายหม่าเคยโปรยยาหอมไว้มากมายเกี่ยวกับการลงทุนที่เมืองไทย พร้อมกับระบุว่าจะปั้นไทยให้เป็นฮับในอาเซียน และเล็งว่า จ.ฉะเชิงเทรา มีความเหมาะสมที่สุดอีกด้วย
ทว่า ก็ทำนักลงทุนและรัฐบาลไทยงงไปตามๆ กัน เมื่อจู่ๆ Alibaba ประกาศตั้งศูนย์กระจายสินค้าที่มาเลเซีย พร้อมภาพจับมือยิ้มชื่นมื่นกับ นาจิบ ราซะก์ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย
ดังนั้น การมาเยือนไทยครั้งที่ 2 นี้จึงถูกจับตามากกว่าปกติ ว่าพี่หม่าของเราจะยังคงยืนยันคำพูดเรื่องการผลักดันไทยด้านอี-คอมเมิร์ซอยู่อีกหรือไม่ หรือเห็นว่าพอไทยเริ่มเนื้อหอมมากขึ้น นักลงทุนจีนคู่แข่งคนสำคัญเองก็อยากจะจีบไทยเป็นคู่หมั้นคู่หมายเช่นกัน พี่หม่าก็เลยกังวลว่าจะอาจจะเสียไทยไปก็ได้ ฉะนั้น การกลับมาครั้งนี้ของพี่หม่าจึงต้องการยึดครองพื้นที่และหัวใจของนักลงทุนไทยอีกครั้ง
ดูท่าว่านาทีนี้ เมืองไทย จะเนื้อหอมหัวกระไดไม่แห้งมากกว่าทุกปีเลยทีเดียว แต่ใครล่ะจะจริงใจกับไทยมากกว่ากัน.
ที่มา matichon.co.th prachachart.net bangkokbiznews.com thansettakij.com