Instagram เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่มีชื่อว่า “Instagram Stories” ที่เปิดให้ผู้ใช้สามารถแชร์ช่วงเวลาสำคัญ และเรื่องราวของรูปภาพ/วิดีโอได้ในแต่ละวัน และเรื่องราวเหล่านนั้นจะหายไปภายใน 24 ชั่วโมง จะว่าไปแล้วก็คล้ายๆ กับฟีเจอร์ My Story ของ Snapchat อยู่เหมือนกัน ตอนนี้มีผู้ใช้งานให้ความสนใจมากมาย เพราะนอกจากจะไม่รกหน้าฟีดเราและของเพื่อนๆ แล้ว ยังเป็นการสร้างสีสันให้การโพสต์ภาพแบบเดิมๆ อีกด้วย
ทว่า ผู้ที่ต้องการใช้ฟีเจอร์ Instagram Stories ตอนนี้ยังมี Filter และเลนส์ให้เลือกใช้เพียง 7 แบบเท่านั้น คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกแน่นอนในภายหลัง ส่วนวิธีการใช้ก็ไม่ยากเริ่มจาก
1. แตะที่ปุ่มบวกบริเวณด้านบนซ้ายของหน้าจอ หรือสไลด์หน้าจอไปทางซ้ายในหน้าฟีดของคุณ หรือถ้าต้องการความรวดเร็วให้สไลด์ไปทางขวาของหน้าจอหลัก
2. แตะที่ปุ่มวงกลมด้านล่างของหน้าจอเพื่อถ่ายภาพ หรือแตะค้างไว้สำหรับการบันทึกวิดีโอ หากมีภาพ/วิดีโออยู่แล้ว ก็อัปโหลดง่ายๆ เพียงเลือกคอนเทนต์ที่ต้องการ หรือจะถ่ายภาพผ่านแอพฯ Boomerangs และ Hyperlapses ก็ได้เช่นกัน
3. ในส่วนของการแก้ไขรูปภาพ หรือวิดีโอ ผู้ใช้ต้องแตะที่ไอคอนรูปปากกา ซึ่งมีทั้งหมด 3 ฟังก์ชั่น หนึ่งในนั้นจะเป็นการครีเอทตัวอักษรหรือลวดลายต่างๆ ให้คล้ายกับป้ายไฟนีออน
4. แตะ “Done” เพื่อบันทึกเรื่องราวของคุณ
5. แตะที่ “เครื่องหมายถูก” เพื่อแชร์เรื่องราว แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
แล้วคุณจะทราบได้อย่างไรว่าเพื่อนของคุณใช้ฟีเจอร์นี้ ด้านบนของฟีจะปรากฏชื่อเพื่อนที่คุณกำลังติดตาม พร้อมกับมีวงกลมสีสันต่างๆ แสดงขึ้นอยู่รอบภาพโปรไฟล์ของคนนั้นๆ คุณสามารถคลิกเพื่อเข้าชมเรื่องราวของพวกเขาได้
ในส่วนของการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าต้องการให้ใครเห็น และไม่ต้องการให้ใครเห็น เพียงเข้าไปที่หน้าโปรไฟล์ของตัวเอง แล้วแตะไอคอนดวงอาทิตย์ (iOS) หรือจุดสามจุด (Android) ที่มุมบนขวาของหน้าจอ แล้วเลือกการตั้งค่าจากเมนู เช่น ในคืนวันศุกร์ คุณมีปาร์ตี้กับเพื่อนๆ และต้องการซ่อนโพสต์นี้จากแม่ ก็ตั้งค่าซ่อนโพสต์เฉพาะแม่ได้ แต่แม่ยังคงเห็นภาพอื่นๆ และโปรไฟล์ของคุณได้เหมือนเดิม ซึ่งในฟีเจอร์นี้ยังรวมถึงการแสดงความคิดเห็นอีกด้วย
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าโพสต์ของคุณจะมีอายุเพียง 24 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ถ้าต้องการเก็บไว้ ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดภาพไปยังโทรศัพท์ได้เช่นกัน
ทั้งนี้ Instagram Stories เปิดให้ใช้งานได้แล้วทั้งในระบบ iOS และ Android
Source