จริงๆ เราได้ข่าวการพัฒนาฟีเจอร์ Voice Search ของ Google มานานหลายปี แต่รอแล้วรอเล่าคนไทยก็ยังไม่ได้ใช้บริการกับเขาซะที ในที่สุดเมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา Google ประเทศไทย เผยฟีเจอร์ Google Voice Search ในแบบภาษาไทยอย่างเป็นทางการ โดยเปิดให้ใช้งานได้บนระบบปฏิบัติการณ์ Android ตั้งแต่เวอร์ชั่น 4.1 ขึ้นไป ก่อนที่จะนำลงสู่ระบบ iOS ในเร็ววัน ส่วนผู้ใช้บนระบบอื่นๆ เช่น Window Phone หรือ Blackberry ก็…แฮะแฮะ Google บอกยังไม่มีแผนพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรมตอนนี้ครับ
ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Google Voice Search
- ทีมงานพัฒนาฟีเจอร์นี้มาแล้วกว่า 4 ปี โดยมีนักภาษาศาสตร์และวิศวกรคอมพิวเตอร์จากทั่วโลกร่วมงานด้วยมากกว่า 700 ชีวิต ทั้งนี้ แผนการแรก Google ต้องการเปิดตัวให้ผู้ใช้ชาวไทยลิ้มลองฟีเจอร์นี้ตั้งแต่ปีแรกของโปรเจกต์ แต่ด้วยความยากและซับซ้อนของภาษาไทยทำให้โปรเจกต์นี้กินเวลานานมากกว่า 4 ปี!
- ภาษาไทยถือเป็นภาษาที่มีความยากอยู่ในระดับ Tier 1 ของการจัดลำดับความยากภาษาทั่วโลก ดังนั้น ทีมงาน Google ระบุว่าการทำ Voice Search สำหรับภาษาไทยถือเป็นความท้าทายอย่างมาก
- ประเทศไทยนับเป็นประเทศที่มีบริการ Voice Search เป็นอันดับที่ 47 ของ Google โดยบริการนี้เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2008 ด้วยภาษาอังกฤษ และที่น่าสนใจคือเมื่อปีที่แล้วภาษาจีนแมนดาริน (จีนกลาง) ได้ถูกบรรจุเข้ามาในบริการ Voice Search เป็นที่เรียบร้อย
- ความยากของภาษาไทยอีกอย่างหนึ่ง นอกจากตัวสะกด วรรณยุกต์ และการใช้คำแล้ว การตัดคำถือว่าเป็นความซับซ้อนทางภาษาของเรามาก ยกตัวอย่างเช่น ตากลม เราสามารถอ่านเป็น ตาก-ลม หรือ ตา-กลม ก็ได้ ขึ้นกับบริบท
- Google คำนึงถึงสำเนียงอันแตกต่างกันของคนไทย โดยเมื่อคุณพูดคำทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ เช่น Central World การออกเสียงทั้งแบบสำเนียง “อังกฤษ” หรือ สำเนียง “ไทยแท้” Google ก็ยังเข้าใจและค้นหาคำที่ถูกต้องให้คุณได้อยู่ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน Google Voice Search ยังคงรองรับแต่ “ภาษาไทยกลาง” ดังนั้น สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการค้นหาด้วยภาษาถิ่นต่างๆ อาจต้องรอกันหน่อยครับ
- ผลลัพธ์จากคีย์เวิร์ดที่คุณค้นหาจะถูกอ้างอิงมาจากสองแหล่ง หนึ่งคือภาษาไทยแบบถูกต้องตามพจนานุกรมบัณฑิตยสถาน และอีกแบบคือคำยอดฮิตที่ผู้ใช้พิมพ์ (หมายความว่าอาจจะผิดหรือถูกตามหลักภาษาก็ได้)
- Voice Search ของ Google มีกลไกการเรียนรู้แบบ learning Technology กล่าวคือ ยิ่งผู้ใช้ใช้บริการนี้มากเท่าไหร่ ฟีเจอร์นี้จะจดจำผลลัพธ์ ความแม่นยำ และพัฒนาตัวเองให้เข้าใจความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำขึ้นทุกวัน เรียกว่าเป็นระบบที่เรียนรู้ผู้ใช้ไปตลอดชีวิต อนาคต เราก็ไม่ต้องแปลกใจหากคุณจะเสิร์จคำว่า “แซ่บเวอร์” เจออย่างแม่นยำ
- คุณสามารถพูดประโยคยาวแค่ไหนก็ได้ภายในเวลา 30 วินาทีเพื่อให้ Google ค้นหา อย่างไรก็ตาม อาจต้องพูดด้วยสปีดที่ช้าและชัดถ้อยชัดคำพอสมควรนะครับ
- “คีย์บอร์ดเสียง” เป็นอีกหนึ่งความสามารถที่ทำให้วัยรุ่น (เหลือน้อย?) ที่มองคีย์บอร์ดไม่ค่อยเห็นสามารถพิมพ์แชทได้อย่างอิสระ เพียงแค่ติดตั้งแอพ Google keyboard และเปลี่ยนเมนูในเครื่องเป็นภาษาไทย แล้วเข้าไปตั้งค่า “ภาษาและการใส่ข้อมูล” แตะเปิดใช้งาน “Google พิมพ์ด้วยเสียง” และเลือกภาษาเสียงเป็น “ไทย” (ดูเพิ่มเติมในคลิปวิดีโอ) จากนั้นเวลาแชทจะเห็นปุ่มไมโครโฟนบนคีย์บอร์ดช่วยให้พูดแทนการพิมพ์ได้เลย
ขั้นตอนการใช้งาน Google Voice Search โดย Oops!Mobile
httpv://youtu.be/QJoG-atu1i4
รีวิวหลังลองใช้
หลังจากลองใช้ฟีเจอร์ Voice Search แล้วรู้สึกประทับใจในความแม่นยำของการ detect เสียงเรามาก สมคำโฆษณาของ Google ทั้ง การจับสำเนียงที่แตกต่าง คำทับศัพท์ และประโยคยาวๆ ภายใน 30 วินาที อย่างไรก็ตาม พอเราเอาสมาร์ทโฟนไปห่างตัวสักนิดนึง จะพบว่าเสียงแทรกจากภายนอกทำให้ข้อความที่เราพูดออกไปคลาดเคลื่อนจน Google เข้าใจคำของเราผิด กระนั้นโดยรวมผมค่อนข้างประทับ Voice Search ที่ทำงานได้แม่นยำและสามารถใช้งานได้ในชีวิตประจำวันจริงๆ
ตัวอย่างรูปแบบการค้นหาด้วยเสียงภาษาไทยกับ Google
• ดูรอบหนังที่กำลังฉาย เช่น “รอบหนังพรุ่งนี้”
• เสาะหาเส้นทางได้อย่างรวดเร็ว เช่น “เส้นทางไปโรงแรมดุสิตธานี”
• ใกล้ชิดกับเสียงเพลง เช่น “ฟังเพลงแน่นอก”
• เลือกซื้อสินค้าราคาประหยัดได้ทุกเวลา เช่น “สมาร์ทโฟนราคาถูก”, “แอร์เมสมือสอง”
• เข้าถึงข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตเพียงปลายนิ้ว เช่น “ยื่นภาษีออนไลน์” “ไปญี่ปุ่นต้องใช้วีซ่าไหม”
ขอบคุณวีดีโอและภาพประกอบจาก Oops!Mobile และ arip.com