Facebook เพิ่มฟีเจอร์โฆษณาวิดีโอใหม่ ตอบโจทย์การทำงานของเอเจนซี่และผู้ลงโฆษณา

Facebook อัพเดทการใช้งานวิดีโอด้วยเครื่องมือใหม่ๆ เพื่อให้บรรดาเอเจนซี่และผู้ลงโฆษณาสามารถจัดการการใช้สื่อได้ อาทิ การเจาะจงกลุ่มเป้าหมายสื่อ การซื้อสื่อ และวางแผนสื่อ (targeting/buying/planning media) ได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ Facebook ยังแนะนำเคล็ดลับต่างๆ ให้ผู้ใช้สามารถจัดการฟีดให้มีความสร้างสรรค์ และเฉพาะเจาะจงกับกลุ่มผู้ใช้ Facebook ที่ต้องการด้วย

รายละเอียดของอัพเดทเกี่ยวกับโฆษณาวิดีโอบน Facebook ในครั้งนี้ ได้แก่

ฟีเจอร์การซื้อและวางแผนสื่อโฆษณาวิดีโอใหม่ล่าสุด และเพิ่มประสิทธิภาพงานครีเอทีฟที่มีอยู่ สำหรับโมบายฟีดโดยเฉพาะ

Facebook เปิดใช้งานการลงโฆษณาที่ละเอียดยิ่งขึ้น ในช่วงเวลาใดๆ ก็ตามในแต่ละวัน สำหรับตลาดที่มีตัววัดแบบ TRP (Target rating points) ทั้งหมด ซึ่งเปรียบเสมือนตัวช่วยประเมินความคุ้มค่าในการลงโฆษณา
ผู้ลงโฆษณาสามารถเลือกลงโฆษณาแบบรายชั่วโมงในแต่ละวันได้ (day parts—hours) โดยจะเลือกให้โฆษณาปรากฏในช่วงเวลาใดของวันก็ได้ ในระยะเวลาสี่ชั่วโมงขึ้นไป เพื่อช่วยให้การลงโฆษณาในแต่ละครั้ง เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในช่วงเวลาที่ข้อความดังกล่าวทรงประสิทธิภาพมากที่สุด
ก่อนการใช้งานจริง Facebook ได้ทำการทดลองและร่วมกับหลากหลายแบรนด์และพันธมิตร ในการนำโฆษณาโทรทัศน์ที่ออกอากาศอยู่ มาลงโฆษณาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดบนโมบายฟีด บทเรียนเบื้องต้นที่ได้คือ เพียงแค่การปรับเปลี่ยนง่ายๆ ซึ่งรวดเร็วและไม่ต้องใช้ทุนมาก ก็สามารถทำให้งานครีเอทีฟที่มีอยู่ แสดงผลลัพธ์ที่ดีขึ้นบนมือถือได้
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับผลการศึกษาที่ได้จากการทดลองเพิ่มประสิทธิภาพของโฆษณาร่วมกับแบรนด์ฟินิช (Finish), ริกลี่ย์ (Wrigley’s) และเวลล์ส ฟาร์โก (Wells Fargo) ได้ที่ Blog ของ Facebook สำหรับธุรกิจ

จับความสนใจผู้ใช้ Facebook บนฟีดให้อยู่หมัด

Facebook IQ ได้ประเมินผลโฆษณาวิดีโอกว่า 850 ชิ้นบน Facebook ในระยะเวลาสองช่วงที่ต่างกัน ผลการศึกษาแสดงให้เห็นถึงความสำคัญและโอกาสในการต่อยอดของการเพิ่มประสิทธิภาพบนมือถือ (Mobile Optimization) ซึ่งจะช่วยส่งผลให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ ตัวอย่างเช่น มีจำนวนวิดีโอโฆษณาที่ได้รับการประเมินกว่า 76 เปอร์เซ็นต์ ที่ผู้รับชมไม่เข้าใจเมื่อปิดเสียง อย่างไรก็ตาม โฆษณาวิดีโอที่มีความสร้างสรรค์ ซึ่งเล่าเรื่องราวของผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงมีบทสนทนาที่น่าสนใจ และที่เหนืออื่นใดคือมีใจความสำคัญที่หนักแน่นและเข้าใจง่าย จะได้รับคะแนนการจดจำโฆษณา (Ad Recall) ที่ดีกว่า