ปฏิเสธไม่ได้ว่า Social Media เป็นช่แงทางทรงอิทธิพลมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะ Facebook ที่ปัจจุบันทั่วโลกมีผู้ใช้งานมากกว่า 2 พันล้านราย ขณะที่ในประเทศไทยมีผู้ใช้มากกว่า 40 ล้านราย จึงไม่แปลกถ้าจะมีปริมาณคอนเทนต์ที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ทั่วโลกมากกว่าล้านคอนเทนต์ต่อวัน ทำให้ Facebook กลายเป็นช่องทางที่สำคัญของนักการตลาดออนไลน์ทั่วโลกที่ต้องการค้นหากลุ่มเป้าหมายและสื่อสารไปยังลูกค้าแบบส่วนตั๊ว…ส่วนตัว (Personalized)
แต่อย่างที่ทราบว่า Facebook ประสบปัญหาการสร้างความเกลียดชังผ่านคแนเท้นต์ของ Facebook และหลายครั้งคอนเม้นต์เหล่านั้นมาพร้อมกับการโฆษณาสินค้า ส่งผลกระทบต่อแบรนด์ ซึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือกรณีของ George Floyd ซึ่งยังคงส่งผลกระทบต่อ Facebook แบบตามหลอกหลอนข้ามปีข้ามภพ จนทำให้ปบรนด์ระดับโลกอย่าง Coca-Cola Co. และ Starbucks Corp. ประกาศคว่ำบาตร Facebook ในช่วงเดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมาเนื่องจากไม่ได้ดำเนินการมากพอที่จะควบคุมคำพูดแสดงความเกลียดชัง
นั่นจึงทำให้หลังจากสถานการณ์โรคระบาดเริ่มคลี่คลาย Facebook Inc. ก็เตรียมจะเริ่มพัฒนาระบบ “การควบคุมเนื้อหาคอนเทนต์” เพื่อให้ผู้โฆษณามีความสามารถในการกำจัดเนื้อหาบางอย่าง เช่น คอมเม้นต์เพื่อไม่ให้ไปปรากฏในโฆษณาและจะทำให้เกิดผลเสียต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ ทั้งนีัมีข้อเรียกร้องจากผู้โฆษณาจำนวนมากต้องการให้ Facebook ในฐานะ Social Media รายใหญ่ดำเนินการอย่างจริงจังในเรื่องดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้โฆษณาปรากฏควบคู่ไปกับคำพูดแสดงความเกลียดชัง ข่าวปลอมและเนื้อหาที่เป็นอันตรายอื่นๆ เช่น โฆษณาแฝงด้านเพศ เป็นต้น
ทั้งนีัในปีที่ผ่านมา Facebook ได้ร่วมกับยักษ์ใหญ่อย่าง YouTube และ Twitter ที่ได้ลงนามในข้อตกลงกับผู้โฆษณารายใหญ่เพื่อควบคุมเนื้อหาที่เป็นอันตรายทางออนไลน์ สำหรับระบบที่ Facebook เตรียมไว้จะช่วยให้ผู้โฆษณาสามารถกำหนดวิธีที่โฆษณจะแสดงบนฟีดข่าวของ Facebook โดยจะเริ่มทำการทดสอบการควบคุมโฆษณากับผู้ลงโฆษณาในกลุ่มเล็กๆ ซึ่งกระบวนการดังกล่าวอาจต้องใช้เวลาทดสอบประมาณหนึ่งปีจึงจะเสร็จสมบูรณ์
Source: Reuters