ประโยชน์ของการใช้โซเชียลมีเดีย เราทราบกันดีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เป็นข้อกังวลเพิ่มเติมมากขึ้นถึงการใช้งานโซเชียลมีเดีย ก็คือเรื่องการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งปัจจุบันทั่วโลกกำลังตระหนักในการเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้จากผู้ใช้งาน เกิดความไม่มั่นใจว่าจะมีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ประโยชน์ในทางการค้าหรือนำไปใช้งานอย่างไม่ถูกต้อง ซึ่งหนึ่งในแพล็ตฟอร์มที่ถูกจับจ้องมากที่สุดก็คือเจ้าตลาดอย่าง Facebook และ Instagram ซึ่งมีผู้ใช้งานมหาศาลทั่วโลก
ดังนั้น เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดูแลด้านความปลอดภัยและการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน Facebook จึงได้เปิดตัวแคมเปญออนไลน์ล่าสุด ‘Love & Lock’: Facebook Privacy Café Virtual Edition พร้อมกับจัดงานแถลงข่าวชี้แจงนโยบายด้าน Privacy ให้สื่อมวลชนไทยได้ทราบถึงขั้นตอนการทำงานและนโยบายจาก Facebook
นโยบายด้านการรักษา ‘ข้อมูลส่วนบุคคล’
ทั้งนี้ Facebook ได้ทำให้แน่ใจว่าผู้คนสามารถที่จะควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของตัวเองได้ ไม่ว่าจะลบหรืออีดิท นอกจากนี้ Facebook ยังได้สร้างเครื่องมือต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้งานจะเข้าถึงได้ง่าย และเข้าใจถึงวิธีในการใช้งาน เช่น ฟีเจอร์ “ทำไมชั้นถึงเห็นโพสต์/โฆษณานี้” เพื่ออธิบายให้เข้าถึงว่าทำไมโพสต์หรือโฆษณามาปรากฏบนพื้นที่ Facebook ผ่านการออกแบบดีไซน์ที่ดีที่สุด และมีความโปร่งใสมากที่สุด
นอกจากนี้ ทาง Facebook ยังยืนยันด้วย่า ไม่มีการขายข้อมูลผู้ใช้งานอย่างแน่นอน ธุรกิจที่ Facebook ทำคือการขายพื้นที่โฆษณาพร้อมกับที่ดีลโดยตรงกับผู้โฆษณาเท่านั้น
วิสัยทัศน์ Facebook ด้าน ‘ข้อมูลส่วนบุคคล’
Private interactions
ผู้คนที่ใช้งาน Facebook จะต้องใช้งานง่าย สามารถคอนโทรประสบการณ์ด้านการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลต่างๆ ได้โดยง่าย และมั่นใจว่าจะไม่มีใครหาประโยชน์จากสิ่งที่แชร์ออกมาได้
Encryption
นโยบายการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลนั้นมาเป็นอันดับ 1 ดังนั้น การเข้ารหัสจะต้องทำอย่างมั่นใจว่าปลอดภัย ระบบการรหัสของ Facebook ได้ทำเพื่อให้ผู้ใช้งานมั่นใจว่าได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มมที่
Reducing permanence
ลดการจัดเก็บข้อมูลที่อยู่บนโซเชียลไม่ให้อยู่อย่างถาวร เพื่อให้ผู้ใช้งานไม่ต้องกังวลถึงสิ่งที่แชร์ออกมาว่าจะกลับมาทำร้ายหรือซ้ำเติมได้ในอนาคต ดังนั้น จึงไม่มีการเก็บข้อมูลถาวรเอาไว้
Safety
Facebook จะให้ความปลอดภัยในการสื่อทุกรูปแบบอย่างปลอดภัย
Interoperability
ผู้ใช้งานสามารถสื่อสารบนดีไวศ์ต่างๆ ได้ ผ่านการใช้งานแอปฯ ในเครือได้โดยไม่ติดขัด เชื่อมโยงทุกการบริการเข้าด้วยกัน โดยสามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตได้โดยไม่มีสะดุด
Secure data storage
ดำเนินการเก็บรักษาข้อมูลเพื่อไม่ให้เกิดการเข้าถึงอย่างผิดๆ หรือมีการเข้าถึงข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง โดย Facebook มีการพัฒนาปรับปรุงในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง
Third Party กับการเข้าถึงข้อมูลใน Facebook
สิ่งที่ Facebook ชี้แจงเพิ่มอีกก็เรื่องการทำข้อมูลให้กับ Third Party ผ่านแอปฯ ซึ่ง Facebook ระบุว่า มีความเข้มงวดอย่างเข้มข้น มีระบบในการควบคุมตรวจสอบ Third Party อย่างมาก ซึ่งก่อนที่แอปฯ จะเข้าถึงข้อมูลก็จะต้องมีการได้รับความยินยอมจากผู้ใช้งานก่อนทุกครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่สิ่งที่ได้ไป คือ “ชื่อ รูปภาพ และ อีเมล์” พร้อมกับที่ออกแบบเครื่องมือในการจัดการให้ผู้ใช้งานดูแลการเข้าถึงข้อมูลจากแอปฯ ต่างๆ ได้ง่ายและรวดเร็วได้โดยเมนูทางลัด ที่ Privacy Shortcut ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเข้าไปแก้ไข อีดิท และดีลีทได้ด้วยตัวเอง
แต่หาก Third Party ต้องการข้อมูลที่มากกว่าข้างต้น จะต้องผ่านขั้นตอนการกระบวนการตรวจสอบจากทีมของ Facebook ทุกครั้งเสมอ ไม่ว่าจะเป็นทีมโพลีซี ทีมคอมมูนิตี้ ทีมดีไซน์ ทีมกฎหมาย และทีมวิจัยด้วย
หรือกรณีที่นักพัฒนาหรือ Third Party ต้องการข้อมูลลอีกหลังจากใช้แอปฯ ไปแล้ว 3 เดือนจะทำไม่ได้ หรือถ้าเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจะมีข้อมูลไปอีกหรือไม่ ก็สามารถรีมูฟแอปฯ นั้นออกไปได้เลย ซึ่งทาง Facebook ก็มีช่องทางทำให้การถอดแอปฯ ออกทำได้แล้ว
เสริมข้อสังสัยเรื่อง “กล้องถ่ายรูป” ที่อุปกรณ์ Facebook ยืนยันว่าไม่มีการดึงหรือดูดข้อมูลอัตโนมัติผ่านกล้อง แต่การขออนุญาตเข้าถึงเพื่อให้ทุกคนสามารถบันทึกหรือถ่ายวิดีโอบนแพล็ตฟอร์มได้เท่านั้น
แคมเปญ ‘Love & Lock’: Facebook Privacy Café Virtual Edition
และนอกจากการชี้แจงผ่านสื่อแล้ว เพื่อสร้างความเข้าใจให้ง่ายและชัดเจนมากขึ้น Facebook ประเทศไทย ยังได้เปิดตัวแคมเปญออนไลน์ Love & Lock: Facebook Privacy Café Virtual Edition เป็นแคมเปญระดับโลกที่จัดมาแล้วหลายประเทศ เพื่อให้ความรู้ แก่ผู้ใช้งานชาวไทย และเสริมประสบการณ์การใช้งานออนไลน์ที่ปลอดภัยยิ่งขึ่น โดยจัดในรูปแบบทั้งแบบ Offline และ Online โดยสามารถเข้าไปชมได้ที่ไมโครไซท์ https://loveandlockfbprivacytips.digitalnextecho.com/ ซึ่งจะมีควิซสนุกๆ สั้นๆ เพื่อทดสอบความเข้าใจเรื่องของความเป็นส่วนตัวในรูปแบบ Edutainment แต่หากสนใจจะไปในแบบ Offline มีการเปิดเป็นรูปแบบคาเฟ่ป๊อปอัปที่ร้าน Cha Bar สาขาลิโด้ คอนเนคท์ ก็ได้ โดยงานจัดเพียงแค่ 3 วันเท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 26-28 กุมภาพันธ์นี้ ทั้งหมดนี้ ยังสร้างความน่าสนใจให้เข้าใจง่ายและเข้าถึงง่ายขึ้นผ่านนักวาดภาพประกอบชื่อดัง Sundae Kids นำเสนอเรื่องราวความรักในโลกยุคดิจิทัลผ่านการ์ตูนสั้น 6 ตอน ที่เกิดขึ้นในคาเฟ่แห่งหนึ่ง ผลงานนี้จะรวมเอาหัวข้อที่เกี่ยวกับเรื่องของความเป็นส่วนตัว ฟีเจอร์ต่างๆ ของ Facebook และแอปในเครือเข้าด้วยกัน
“การเดินหน้าให้ความรู้และเครื่องมือที่จำเป็นให้กับคนไทยเพื่อปกป้องข้อมูลออนไลน์เป็นส่วนหนึ่งในพันธกิจของเรา การที่ผู้คนมีความเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาแชร์ออนไลน์นั้นเป็นสิ่งสำคัญ โดยเราต้องการที่จะสร้างวิธีการให้ความรู้ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น” อารีแอน เฮเมเนซ ผู้จัดการฝ่ายความเป็นส่วนตัวและนโยบายสาธารณะ Facebook ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวตอนท้าย