คงไม่ต้องพูดกันแล้วว่า Facebook กลายเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์สุดฮิตในปัจจุบันแถมผู้บริโภคยังใช้งานอย่างต่อเนื่อง ทั้งผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ในบ้านหรือที่ทำงาน และหน้าจอโทรศัพท์มือถือระหว่างอยู่ข้างนอก
ทีน่ี้เราลองมาอัพเดทสถิติล่าสุดของ Facebook กันว่ามีอะไรน่าสนใจกันบ้าง
- บัญชีผู้ใช้งานของ Facebook มีอยู่ 1.06 พันล้านบัญชีเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2012 (เพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อน)
- ในแต่ละวัน จะมีผู้ใช้งาน Facebook เฉลี่ย 618 ล้านคน (เฉลี่ยในเดือนธันวาคม 2012 เพิ่มขึ้น 28% จากปีก่อน)
- มีผู้ใช้งาน Facebook ผ่านอุปกรณ์พกพาเป็นจำนวน 680 ล้านบัญชีในเดือนธันวาคม 2012 (เพิ่มขึ้น 57% จากปีก่อน)
- ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2012 มีผู้ใช้งาน Facebook ผ่านอุปกรณ์พกพาในแต่ละวันสูงกว่าผู้ใช้งานผ่านเว็บเป็นครั้งแรก
- รายได้จากการโฆษณาผ่านอุปกรณ์พกพาคิดเป็นรายได้ 23% ของรายได้จากโฆษณาทั้งหมดในไตรมาสที่ 4 ของปี 2012 สูงขึ้นจาก 14% ในไตรมาสที่ 3 ของปีเดียวกัน
- รายได้ในไตรมาสที่ 4 ปี 2012 ของ Facebook คือ 1.585 พันล้านเหรียญ สูงขึ้น 40% จากไตรมาสเดียวกันในปี 2011
- รายได้จากโฆษณาของ Facebook คือ 1.33 พันล้านเหรียญ ซึ่งคิดเป็น 84% ของรายได้ทั้งหมด เพิ่มขึ้น 41% จากไตรมาสเดียวกันในปี 2011
- รายจ่ายต่างๆ ในไตรมาสที่สี่คือ 256 ล้านเหรียญ
- เกม SongPop คือเกมฮิตบน Facebook ในปี 2012 ตามมาด้วย Dragon City และ Bike Race
- พนักงานของ Facebook ในปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 4,619 คน (ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2012)
ถ้าในแง่การตลาดแล้ว สถิติบางข้อถือว่าน่าสนใจทีเดียว ซึ่งพอจะสรุปเป็นประเด็นๆ ได้คือ
1. การใช้งานผ่าน Mobile Device
เราจะเห็นได้ว่าตัวเลขผู้ใช้งาน Mobile Device สูงขึ้นเรื่อยๆ (ซึ่งก็สอดคล้องกับเทรนด์ยอดจำหน่ายอุปกรณ์อย่าง Smartphone และ Tablet) ซึ่งนั่นหมายความปฏิสัมพันธ์หลักของ User กับคอนเทนต์ต่างๆ จะเทไปอยู่บนหน้าจอเคลื่อนที่เหล่านี้ นักการตลาดที่พยายามเน้นเรื่องการใช้คอนเทนต์สร้างปฏิสัมพันธ์กับแฟนต้องคำนึงข้อจำกัดเกี่ยวกับการแสดงผลบนอุปกรณ์เหล่านี้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นขนาดและความยาว ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืมเรื่องข้อจำกัดของการโต้ตอบบน App ในอุปกรณ์เหล่านี้ด้วยเช่นกัน
สำหรับเทรนด์การพัฒนาแอพอาจจะได้รับผลกระทบพอสมควร เพราะถ้าผู้บริโภคใช้งาน Facebook บนโทรศัพท์มือถือแล้ว ตัวแอพจะกลายเป็นข้อจำกัดและอุปสรรคสำหรับตัวผู้ใช้งานเนื่องจากไม่สามารถรันบนโทรศัพท์ได้ ครั้นจะต้องกลับมาใช้งานที่บ้านหรือที่ทำงาน ความต่อเนื่องและแรงจูงใจอาจจะสูญหายไประหว่างทางแล้ว เทคนิคการคิด Call-to-Action จากหน้า newsfeed อาจจะต้องมีการปรับและอาจจะให้น้ำหนักคอนเทนต์มากขึ้นแทน
2. โฆษณาให้เป็นบน Facebook
ถ้าพูดถึงการโฆษณาบน Facebook นั้น ก็ไม่ได้มีวิธีแค่การโฆษณาเพจหรือโพสต์แบนเนอร์เพียงอย่างเดียว ตัวเลขรายได้โฆษณาสะท้อนให้เห็นว่าแบรนด์เล็กแบรนด์ใหญ่ใช้ Facebook Ad กันอย่างแพร่หลาย นักการตลาดต้องเข้าใจรูปแบบของการโฆษณาต่างๆ บน Facebook และหาวิธี Optimize โฆษณาให้ดีที่สุด ไม่ใช่แค่การซื้อโฆษณายาวๆ แล้วรอดูผลหลังจบแคมเปญ แต่อาจจะต้องมองไปถึงการดูสถิติและปรับวิธี ปรับคอนเทนต์กันแบบรายวันเลยก็ได้
นอกจากนี้แล้ว โฆษณาบน Mobile อาจจะเป็นหนึ่งในวิธีการโฆษณาที่มองข้ามไม่ได้แล้ว เนื่องจากตัวเลขการใช้งานผ่านออนไลน์นั้นสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นักการตลาดต้องมองแล้วว่าจะเลือกโฆษณาอย่างไรให้เวิร์ค และจะเอาคอนเทนต์อะไรไปใช้โฆษณา บางทีการโฆษณาอาจจะมีจุดประสงค์ที่หลากหลายไปกว่าการโฆษณาแบรนด์ แต่อาจจะเป็นการสร้างโอกาสเพิ่ม EdgeRank โดยใช้คอนเทนต์ที่ Off-Brand บ้างก็ได้ เทคนิคเหล่านี้คงต้องอยู่ที่มุมมองของแต่ละคน
เชื่อว่าปี 2013 ก็ยังคงเป็นปีของ Facebook อยู่ด้วยตัวเลขที่ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราคงต้องมาดูกันว่าเราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรกันอีก
แปลและเรียบเรียงจาก http://www.jeffbullas.com/2013/02/06/10-of-the-latest-facts-figures-and-statistics-about-facebook/