Selfish คือ เห็นแก่ตัว, Selfie คือ เห็น ‘แต่’ ตัว(เอง)!
เดี๋ยวนี้หรี่ตามองไปทางไหน ก็เห็นแต่คนชูกล้องถ่ายเซลฟี่กันเกือบทั้งนั้น ทั้งหน้าบ้าน ยันหน้ากระจก…คงไม่มีสิ่งใดมาลบล้างความนิยมของการถ่ายรูปแบบเห็นแต่ตัว(เอง)นี้ได้ อาจไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนัก หากจะกล่าวว่าการถ่ายเซลฟี่ในทุกวันนี้ ก็เพียงเพื่อจะ อวด-โพส…หวังผลไลค์ หวังผลดัง ทว่า, ‘เซลฟี่’ ไม่ใช่แค่การถือกล้องเขาหาหน้าพร้อมทำท่าแบบขลุกขลิกๆน่ารักเพียงอย่างเดียว หากแต่มันมีกลวิธี ลูกเล่นและชั้นเชิงที่ลึกซึ้งกว่านั้น เพื่อช่วยให้ภาพถ่ายเห็น ‘แต่’ ตัวของเรา โด่งดังและเลื่องลือจนเปรี้ยงปร้าง ชนิดรุมซิบๆบอกต่อๆกันเลยทีเดียว
และนี่คือ 8 กลเม็ด ที่จะช่วยให้ภาพ ‘เซลฟี่’ ของเรากลายเป็น Viral ในโลกโซเชียลมีเดียครับ
โลเคชั่นสำคัญไฉน?
รู้ไหมว่าถึงจะเป็นแค่การถ่ายแต่ตัวเองๆ แต่สถานที่ที่เราเลือกมาเป็นส่วนประกอบประดับประดาหน้าเซลฟี่ของเรานั้น…ก็มีความสำคัญยิ่งนัก ลองนึกถึงภาพถ่ายเซลฟี่ระหว่างที่กำลังโดดลงมาจากที่สูง หรือถ่ายเซลฟี่บนอวกาศ แล้วเปรียบเทียบกับเซลฟี่ในห้างพารากอน…อย่างไหนที่จะทำให้คนร้อง “อะฮือๆ” กว่ากันล่ะครับ
จังหวะจะโคน
ว่ากันว่า, ‘จังหวะ’ สำคัญ! ต่อให้เตรียมการมาอย่างดิบดีแค่ไหน หากไร้ซึ่งการมาของจังหวะที่ลงตัวแล้วล่ะก็…สิ่งที่ตระเตรียมมาก็คงไม่เท่าไหร่นัก ลองนึกถึงภาพเซลฟี่ในสวนสาธารณะที่ฉากหลังมีชายหนุ่มท่านนึงกำลังลื่นหกล้มสิครับ หรือเซลฟี่ตอนที่กำลังมีสิ่งไม่คาดคิดเกิดขึ้น ก็ถือเป็นเป็นความแปลกใหม่ที่มีจังหวะจะโคนที่ดีเหมือนไม่ใช่น้อยเลยเชียวล่ะ
สีหน้าสุดเหวี่ยง!
การแสดงออกทางอารมณ์ของสีหน้าอย่างเต็มที่ในการถ่ายเซลฟี่นั้น ถือเป็นสิ่งที่ช่วยขับเคลื่อนอารมณ์ร่วมของผู้ที่พบเห็นได้อย่างดีทีเดียว จะแอ๊บแบ๊วสุดขั้ว แอ็คหล่อสุดติ่ง หรือจะบ้าบิ่นสุดโต่ง…ก็ล้วนแต่เป็นวิธีการสื่ออารมณ์ให้ผู้อื่นมีความรู้สึกร่วมได้ดีที่สุดครับ ใส่ลีลาเข้าไปสักนิด เติมเสน่ห์ให้มันสักหน่อย รับรองว่าเซลฟี่ของเราจะดึงดูดคนอื่นๆได้ดีทีเดียว ดังคำกล่าวที่ว่า…ใบหน้า คือ หน้าต่างของความรู้สึก
อาศัย ‘พรรค’ พิง
การถ่ายเซลฟี่กับเหล่าบรรดาคนดัง คนมีชื่อเสียง หรือพาตัวเองเข้าไปคลุกคลีอยู่กับคนเหล่านั้นเพื่อขอกดแชะถ่ายเซลฟี่แบบสุมหัวกับพวกเขา จะสามารถช่วยเพิ่มยอดไลค์ของภาพเซลฟี่เราได้เป็นอย่างดี ลองนึกดูว่าหากวันนึงคุณลงรูปถ่ายเซลฟี่คู่กับดาราฮอลลีวูดสุดหล่ออย่าง Brad Pitt สิครับ…แต่ขอให้เป็น แบรด ตัวจริงนะ ไม่ใช่ แบรด ขี้ผึ้ง!
Photobomb…ทำเอาบูม!
เทรนด์ขำๆของฝรั่งที่เรียกว่า Photobomb (โฟโต้-บอมบ์) คือการขโมยซีนในรูปถ่ายของคนนั้นๆ หรือภาพเซลฟี่ทั่วไปที่ถูกคนบางคนที่ไม่ต้องการโผล่เข้ามาในภาพนั่นเอง โดยส่วนมากจะเป็นการสาระแนแบบตั้งใจ โผล่หัวโผล่ตัวเข้ามาเวลาชาวบ้านเขาถ่ายรูปกัน โดยที่เจ้าของภาพเองก็ไม่รู้ตัวว่ามีอีส่วนเกินเจ๋อเข้ามาในรูป เชื่อหรือไม่ว่า…การถ่ายเซลฟี่แบบโฟโต้บอมบ์นี้ ทำให้ภาพเซลฟี่ของใครหลายคนเป็นที่กล่าวขานกันมานักต่อนักแล้ว
เซลฟี่เรียกร้อง
การถ่ายเซลฟี่แบบแหวกแนว ดึงดูดความสนใจจนผู้ที่พบเห็นเป็นต้องสะดุ้งโหยง! จะช่วยทำให้ภาพเซลฟี่ของเรานั้นเป็น Viral ได้เร็วยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเซลฟี่กึ่งนู้ด เซลฟี่แผลงๆพิเรน หรือเซลฟี่ที่หาคำบรรยายได้ยาก ก็ล้วนแต่เป็นการดึงดูดความสนใจจากผู้อื่นได้ดียิ่งนัก ยกตัวอย่างนางแบบชื่อดัง Kim Kardashian ถ่ายรูปเซลฟี่หน้าตัวเองเต็มไปด้วยเลือด ระหว่างการบำรุงผิวหน้าแบบ Vampire Facial ในราคา 1500 ดอลลาร์ หรือ 49,349 บาทนั่นเอง
เซลฟี่ขำก๊าก
คุณพ่อคนหนึ่ง ที่ชอบถ่ายเซลฟี่คู่กับลูกสาววัย 4 สัปดาห์ของเขา ทันทีที่เขาโพสภาพเซลฟี่คู่กับลูกสาวลงเฟสบุ๊ค ภาพถ่ายเซลฟี่ชุดนี้ก็ดังกระฉ่อนกลายเป็นภาพ Viral ในทันที ใจความง่ายๆคืออย่าเซลฟี่ให้ซีเรียสมากนัก ผ่อนคลายบ้าง สนุกบ้าง รั่วๆและเฮฮาบ้าง พยายามทำให้เซลฟี่ของคุณดูสนุกและตลกจนชวนขำกลิ้งเข้าไว้…จะทำให้มีคนมารุมไลค์ รุมแชร์กันเป็นว่าเล่นเลยล่ะครับ เผลอแผล็บเดียวภาพของเราอาจกลายเป็น Viral บนโลกโซเชียลมีเดียแบบที่เราไม่ทันตั้งตัว อย่างสองพ่อลูกคู่นี้เลยก็ได้
พรหมจรรย์หน้ากล้อง
นักร้องสาวผิวสีชื่อดัง Beyonce โพสรูปภาพเซลฟี่ของตนเองเพื่ออวดให้สาธารณะชนรับรู้ถึงทรงผมใหม่ของเธอที่เพิ่งไปตัดมา…ภาพนี้มีคนให้ความสนใจราวกับพายุพัดโหมกระหน่ำเลยทีเดียว การถ่ายเซลฟี่แบบเปิดตัวเป็นครั้งแรกบนโซเชียลมีเดียถึงการเปลี่ยนแปลงในตัวเรานั้น ช่วยสร้างความสนใจบนโลกโซเชียลมีเดียได้ดีทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นรอยสักใหม่ ทรงผมใหม่ หรือแม้แต่รอยแผลใหม่ก็ตามที ก็ล้วนแล้วแต่ช่วยจุดกระแสสร้างความสนใจให้แก่ผู้อื่นยิ่งนัก ยิ่งถ้าเราเป็นเซเลบฯคนดังแล้วล่ะก็ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยครับ ‘แม้กลิ่นตดยังว่าหอม’ เลยทีเดียว
มีคนเคยกล่าวว่า…จะแมวดำ หรือ แมวขาว ขอให้มันจับหนูได้เป็นพอ ครับ