ถอดรหัสละคร “MY AMBULANCE รักฉุดใจนายฉุกเฉิน” ทำไมดังบนออนไลน์ ในยุคคอนเทนต์ล้นจอ!

1.2K

“ความรัก” เป็นภาษาสากลที่ถูกนำมาเป็นแก่นของละคร หรือซีรีส์เสมอ และเมื่อพูดถึงละคร-ซีรีส์ไทยที่นำเสนอเรื่องราวความรัก ส่วนใหญ่เป็นแนวโรแมนติก-คอมมาดี้ และโรแมนติก-ดราม่า ทำให้ทั้งพล็อต และคาแรกเตอร์ตัวละครหลายๆ เรื่องแทบไม่แตกต่างกันมากนัก

แต่ปัจจุบันในยุคที่ผู้ชมถูกแวดล้อมด้วยสื่อและคอนเทนต์มากมาย การจะดึงความสนใจคนดูได้อยู่หมัด และติดอยู่กับคอนเทนต์นั้นๆ ตั้งแต่ต้นเรื่อง ไปจนจบ หัวใจสำคัญอยู่ที่ “ความสนุก” บวกกับความกล้าที่จะ “แตกต่าง” ฉีกออกจากแนวทางเดิมๆ ที่เคยเป็นมา เพื่อนำเสนอสิ่งใหม่ให้กับผู้ชม

นี่จึงทำให้ละครเรื่องใหม่ของค่ายนาดาวบางกอก “MY AMBULANCE รักฉุดใจนายฉุกเฉิน” ที่มีส่วนผสมที่ลงตัวของการเป็นละครแนว “โรแมนติก-แฟนตาซี” ที่ออกอากาศช่อง One 31 และ LINE TV เป็นกระแสพูดถึงกัน โดยเฉพาะบนออนไลน์ ทั้งบน Social Media เช่น Twitter ที่ #รักฉุดใจนายฉุกเฉิน ติดอันดับ Top 10 ทวีตสูงสุด

ส่วนบน “LINE TV” ยอดรับชมโดยรวมของละครเรื่องนี้นับตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนที่เริ่มฉายบนแพลตฟอร์มนี้ ถึงวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา มีมากกว่า 63,719,478 วิว

ขณะที่สัดส่วนผู้ชมแบบนับจำนวนคนไม่ซ้ำ หรือ Unique Audience (UA) บน LINE TV ช่วงสัปดาห์แรกของการออกอากาศเมื่อช่วงต้นเดือนกันยายน พบว่าคนดูส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้หญิง ในสัดส่วน 76% และผู้ชาย 24% ส่วนช่วงสัปดาห์ที่สอง คนดูกลุ่มผู้หญิงอยู่ที่ 75% และผู้ชาย 25%

เพราะอะไรทำให้ “MY AMBULANCE รักฉุดใจนายฉุกเฉิน” เป็นไวรัลพูดถึงกันบนออนไลน์ ?

ที่มากว่าจะมาเป็นละครเรื่องนี้ และแรงบันดาลใจในการสร้างพล็อตแนวโรแมนติก-แฟนตาซี ?

ทำไมถึงเลือก “ใหม่-ดาวิกา” และ “ซันนี่” มาเล่นเป็นทานตะวัน และหมอเป้ง ?

และทำไมถึงมาแรงบนแพลตฟอร์ม LINE TV ?

MarketingOops! จะพาไปค้นคำตอบกับทีมผู้สร้างละคร “MY AMBULANCE รักฉุดใจนายฉุกเฉิน”

เขียนบทขึ้นใหม่ สร้างจากแรงบันดาลใจ “ความรัก – แฟนตาซี – แพทย์”

หลังจากจบซีรีส์แนวดราม่า “Side by Side พี่น้องลูกขนไก่” ผู้กำกับและทีมงานได้วางแผนทำโปรเจคเรื่องต่อไป โดยคราวนี้อยากเปลี่ยนแนวมาทำละครโรแมนติก-แฟนตาซี ที่มีซีนสวยๆ หวานๆ

ในที่สุดตกผลึกมาเป็นการนำเสนอเรื่องราวความรักในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นมีแฟน แต่แฟนไม่มีเวลาให้, อาการเผลอใจไปรักคนอื่น, รักคนที่เขาไม่รักเรา หรือดันไปรักคนที่มีเจ้าของอยู่แล้ว

ผสานเข้ากับการใส่ไอเดียแนวแฟนตาซี ด้วยการสร้างพล็อตให้ตัวเอกมี “พลังแฟน” คือ เมื่อใดก็ตามที่นางเอกคิดถึงพระเอก ซึ่งเป็นแฟนกันมา 15 ปี แฟนจะสามารถรับรู้ได้ และต่อให้อยู่ที่ไหนก็ตาม พระเอกสามารถทะลุผ่านตัวกลางอะไรก็ได้ เช่น ประตู, กำแพง มาหาเธอได้ทันที รวดเร็วเปรียบเหมือน My Ambulance ประจำตัวของนางเอก

เดินเรื่องผ่านสองนักแสดงนำที่เคมีเข้ากันสุดๆ อย่าง “ใหม่-ดาวิกา” รับบทเป็นทานตะวัน และ “ซันนี่” รับบทเป็นหมอเป้ง มีอาชีพเป็นแพทย์ฉุกเฉินของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง

ทำให้ในระหว่างทางของการเดินเรื่อง นอกจากผู้ชมจะได้ดูเรื่องราวความรักหลายรูปแบบแล้ว ยังได้เห็นเบื้องหลังการทำงานของทีมแพทย์ฉุกเฉิน และเกร็ดความรู้การรักษาพยาบาลด้วยเช่นกัน

แต่กว่าจะมาเป็น “MY AMBULANCE รักฉุดใจนายฉุกเฉิน” ทีมผู้สร้างใช้เวลาเกือบ 1 ปี เพราะเป็นซีรีส์ที่เขียนบทขึ้นใหม่ทั้งหมด นับตั้งแต่เริ่มต้นไอเดีย โดยทีมเขียนบทมี 4 คน คือ คุณบอส – นฤเบศ กูโน (ผู้กำกับ), คุณแตง – ภัทรนาถ พิบูลย์สวัสดิ์ (ผู้กำกับร่วม), คุณนัตตี้ – นันทนัท ฐกัดกุล และ คุณก้อย – อรัชพร โภคินภากร

โดยมี คุณย้ง – ทรงยศ สุขมากอนันต์ และ คุณปิง – เกรียงไกร วชิรธรรมพร ช่วยดูแล คอมเม้นท์ และปรับแก้บทด้วย

“พอเรารู้แล้วว่า อยากทำโรแมนติกแฟนตาซี มีพลัง My Ambulance อยู่ในมือ แรงบันดาลใจของพล็อตนี้ มาจากการคิดว่าความรู้สึก แบบไหนที่พวกเราอิน ก็คิดไปถึงว่า เวลาอยากเจอหน้าคนที่เรารัก แต่เขามาหาไม่ได้ การไม่มีเวลาให้กัน เป็นประเด็นที่ทีมเขียนบทอินกัน

ซึ่งก็อินทั้งฝั่งคนรอ และคนไม่มีเวลาให้ แล้วถ้าวันหนึ่ง ฝ่ายรอที่คิดว่ารอได้มาตลอด ดันเผลอใจไปรักคนอื่นล่ะ ทั้งหมดนี้มาจากประสบการณ์ชีวิตและความรู้สึกของทีมเขียนบทเอง และดูเป็นปัญหาความสัมพันธ์ที่หลายคู่อาจจะต้องเจอ คนดูน่าจะอินกับมันง่าย ยิ่งบันดาลใจให้เราอยากทำเรื่องนี้ออกมา

Photo Credit : Facebook Nadoa Series

เมื่อเราอยากเล่าเรื่อง คนรักที่ไม่มีเวลาให้กัน ก็นึกถึงตัวละครที่ไม่มีเวลา คิดถึงหมอขึ้นมา มันน่าสนใจดีที่เวลาที่เขาไม่มีให้เรา เพราะเขาไปช่วยชีวิตคนอื่นอยู่ ละครเรื่องนี้เลยจะมีมุมเกี่ยวกับ “การแพทย์ฉุกเฉิน” สอดแทรกเข้ามาอยู่เรื่อยๆ เพื่อพาไปดูว่า เวลาที่แฟนเราไม่มีเวลามาให้ เขาเอาเวลาไปไหน ซึ่งมุมนี้ เราจะได้เห็นถึงความทุ่มเท ความเครียดความกดดันที่แพทย์ฉุกเฉินที่จะต้องรักษาชีวิตคนไข้ให้รอดจากความเฉียดเป็นเฉียดตายให้ได้

ส่วนอีกมุมฝ่ายคนรอ คนรักกำลังจะไปช่วยชีวิตคน อยากจะน้อยใจแต่ไม่ควรน้อยใจ เพราะเขากำลังไปช่วยชีวิตคนอยู่ ความสับสนนี้แหละ มันทำให้เรารู้สึกว่าเป็นความสัมพันธ์ความรักที่น่าสนใจมากสำหรับเรา

ขณะที่แนวแฟนตาซี ทีมผู้สร้างได้เห็น “ซีรีส์เกาหลี” ทำแนวแฟนตาซีออกมาได้ประทับใจผู้ชม จึงเป็นแรงบันดาลใจให้อยากลองสร้างซีรีส์ “โรแมนติก-แฟนตาซี” ในรูปแบบของเราบ้าง โดยยึดไอเดียว่าพลังจะต้องโรแมนติก งั้นเรามาทำพลังที่เกิดจากความรักกันดีกว่า” คุณบอส – นฤเบศ กูโน ผู้กำกับ พร้อมด้วยทีมงาน ร่วมกันเล่าที่มาของการสร้าง MY AMBULANCE

(กลาง) คุณนฤเบศ กูโน ผู้กำกับ พร้อมด้วยนักแสดง

เมื่อ “ซันนี่ – ใหม่ ดาวิกา” โคจรมาพบกันอีกครั้ง

เป็นอีกหนึ่งคู่เคมีเข้ากัน สำหรับ “ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์” กับ “ใหม่ ดาวิกา” ที่ก่อนหน้านี้เคยเล่นคู่กันมาแล้วกับภาพยนตร์เรื่อง “ฟรีแลนซ์ ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ” และแฟนคลับของทั้งคู่ก็รอว่าเมื่อไรนักแสดงคู่นี้จะกลับมาเล่นด้วยกันใหม่

ผู้สร้าง “MY AMBULANCE รักฉุดใจนายฉุกเฉิน” ได้เฟ้นหานักแสดงที่จะมารับบทพระเอก-นางเอก ในที่สุดมาลงตัวที่ “ซันนี่ – ใหม่ ดาวิกา”

“เรื่องนักแสดง เริ่มจากอยากทำละครโรแมนติก-แฟนตาซี แต่ก็อยากมีหลายรสชาติในละคร ทั้งตลก ดราม่า บวกกับอยากหานักแสดงผู้ใหญ่มาร่วมงานด้วย ก็เลยคิดถึง “ใหม่ ดาวิกา” ก่อน เพราะรู้สึกว่าใหม่เป็นนักแสดงที่ครบรส จะตลกก็ได้ จะดราม่าก็ดี จึงตัดสินใจติดต่อใหม่ไป

พอได้ใหม่มารับบททานตะวัน เราก็คิดกันว่าจะทำละครพระนาง “เคมี” คือเรื่องสำคัญ จึงเล็งหาคนที่ดูมีเคมีเข้ากันได้ ก็คิดถึง “พี่ซันนี่” ขึ้นมา ที่มีพื้นฐานความครบรสอยู่ในตัวเหมือนกัน เป็นคนสนุก ตลกก็ได้ ดราม่าก็ได้เหมือนกัน เลยมาลงตัว เป็น “ใหม่ – ซันนี่” แล้วเอามาประกบกับน้องๆ นาดาวเพิ่มเข้าไป ก็ได้อีกหลายเคมี เป็นสีสันให้กับเรื่องด้วย”

ถอดรหัส 5 สูตรความสำเร็จ “MY AMBULANCE”

หลังจากที่ทราบเบื้องหลังละคร “MY AMBULANCE รักฉุดใจนายฉุกเฉิน” ทั้งที่มาที่ไป แรงบันดาลใจการเขียนบท และการเลือกนักแสดงนำ – นักแสดงสมทบ คราวนี้มาถอดรหัสความสำเร็จของเรื่องนี้กันว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง ?!?

1. สร้างความแตกต่างจากละครเรื่องอื่น ด้วยการนำเสนอแนว “โรแมนติก-แฟนตาซี” ที่มีหลากรส ทั้งโรแมนติก, ตลก แฟนตาซี, มีดราม่า และ Thriller บ้าง โดยมี “ประเด็นความรัก” หลายรูปแบบ ทำให้คนดูเข้าใจได้ง่าย บวกกับใช้ “พลังแฟน” ซึ่งเป็นพลังวิเศษ เป็นสื่อกลางในการเล่าความรัก ความโรแมนติก

2. เพลงประกอบละคร “รักติดไซเรน” ที่ได้กระแสตอบรับอย่างดีจากผู้ชม และเวลานี้มีนักร้อง-นักแสดงนำไปร้อง – เต้น cover ส่งผลให้กระแสขยายวงกว้างขึ้น โดยเฉพาะบนออนไลน์ บวกกับการสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้ ยิ่งทำให้ละคร “MY AMBULANCE รักฉุดใจนายฉุกเฉิน” เป็นที่รู้จักมากขึ้น และดึงคนเข้ามาดูมากขึ้น

Credit : YouTube Nadao Music

3. ความลงตัวของนักแสดง ทั้งใหม่ – ดาวิกา, ซันนี่ รวมถึงนักแสดงรุ่นใหม่ เช่น สกาย-วงศ์รวีนทีธร, ต้าเหนิง-กัญญาวีร์, แบงค์-ธิติ ซึ่งแต่ละคนมีแฟนคลับของตัวเองที่พร้อมสนับสนุนผลงานของนักแสดงที่ตนเองชื่นชอบ

4. ช่องทางออกอากาศ ทั้งจอทีวี และแพลตฟอร์ม LINE TV ในยุคดิจิทัล ผู้บริโภคยังคงต้องการดูละครเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนคือ ช่องทางการรับชม และเวลาการรับชม

หมายความว่าผู้บริโภคไม่ได้รอดูละครอยู่กับหน้าจอทีวีแบบในอดีตอีกแล้ว แต่ผู้บริโภคในปัจจุบันรับชมผ่านจอที่อยู่ใกล้ตัวมากที่สุด และพกพาไปไหนมาไหนได้ นั่นคือ “Smart Device” ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ หรือแท็บเล็ตก็ตาม และรับชมในเวลาที่ตนเองสะดวก เพราะคนยุคนี้มี “Prime Time” ของตัวเอง ดังนั้น ในช่วงเวลาที่ละครออกอากาศช่วงเวลา 2 ทุ่มกว่า เวลานั้นเขาอาจยังไม่สะดวก อยู่ระหว่างเดินทางกลับบ้าน หรือติดงาน แต่เมื่อใดที่มีเวลาว่าง ก็จะมาดูย้อนหลัง

การที่กลุ่ม GMM Grammy และ LINE TV เป็นพาร์ทเนอร์กัน เป็น win-win-win ให้กับทั้ง 3 ฝ่าย คือ

Win แรก คือ ช่อง One 31 สถานีโทรทัศน์ในเครือ GMM Grammy นอกจากออกอากาศผ่านช่องของตัวเองแล้ว การได้นำคอนเทนต์ไปฉายบนแพลตฟอร์ม LINE TV ตอบโจทย์พฤติกรรมการรับชมคอนเทนต์ของผู้บริโภคปัจจุบัน และทำให้สามารถกระจายคอนเทนต์ไปยังผู้ชมกลุ่มกว้างมากขึ้น

Win ที่สอง คือ LINE TV ทำให้มีคอนเทนต์น่าสนใจ มานำเสนอให้กับผู้ชมมากขึ้น ยิ่งมีคอนเทนต์หลากหลาย ก็ยิ่งขยายฐานผู้ชมให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม เพื่อให้ LINE TV เป็นทีวีออนไลน์ของคนไทยทั่วประเทศให้ได้ จากปัจจุบันฐานผู้ชมหลักของ LINE TV อยู่ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่

Win ที่สาม คือ คนดู ยิ่งคอนเทนต์ออกอากาศผ่านหลากหลายแพลตฟอร์ม ทำให้ผู้ชมมีทางเลือกช่องทางการรับชมได้ตามที่ตนเองสะดวก

5. เข้าถึงคนดูทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะโดนใจคนรุ่นใหม่ โจทย์ใหญ่ของการทำละคร “MY AMBULANCE” คือ ต้องทำออกมาให้สามารถเข้าถึงคนดูทุกเพศ ทุกวัย ไม่ใช่ Niche Audience แบบละครบางเรื่องของนาดาวบางกอกก่อนหน้านี้ ที่เซ็กเมนต์ชัดเจนว่าเจาะผู้ชมกลุ่มไหน ดังนั้นละครเรื่องนี้จึงทำบทให้เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน

นอกจากยอดวิวนับตั้งแต่ฉายบน LINE TV ถึงเมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมาอยู่ที่ 64 ล้านวิว และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแล้ว ที่น่าสนใจคือ Unique Audience หรือคนดูแบบไม่นับซ้ำบน LINE TV พบว่า เป็นละครที่เข้าถึงผู้ชมทุกช่วงวัย (นับตั้งแต่อายุ 13 ปีขึ้นไป) แต่กลุ่มผู้ชมฐานใหญ่สุด อยู่ใน 3 ช่วงอายุคือ อายุ 18 – 20 ปี, 21 – 24 ปี และ 25 – 29 ปี

“ความท้าทายของการทำละครเรื่องนี้ คือ เวลาฉายที่เป็น Prime Time หมายความว่า คนที่ดูอยู่เป็นกลุ่มกว้างมาก ทุกเพศทุกวัย พวกเราเคยทำแต่ซีรีส์ที่มีความเฉพาะกลุ่ม คราวนี้เราเลยตั้งโจทย์ใหม่ให้ตัวเองว่าเราจะทำยังไงให้รักษาคนกลุ่มเดิมที่ดูเราไว้ และสามารถชวนคนกลุ่มใหม่ที่กว้างขึ้นมาดูเราด้วย

เราอยากจะคงความซับซ้อนของเรื่องเอาไว้ให้คนดูกลุ่มเดิมที่เคยเสพเราเป็นปกติ ได้สืบเสาะ สนุกไปกับการเดาทางต่างๆ ในเรื่อง แต่ก็จะไม่ลืมนึกถึงคนดูในกลุ่มกว้าง ที่อาจจะไม่ได้มีสมาธิมานั่งจ้องทีวีตลอดเวลา แต่อยากให้เขาสนุกไปกับเรา เราเลยพยายามจะทำบทให้คนดูย่อยง่ายขึ้นด้วยอีกทาง

รวมไปถึงเรื่อง CG ความแฟนตาซี และเรื่องการแพทย์ก็เป็นความยากอีกหนึ่งอย่างที่ต้องยกมาทำให้ดูง่ายขึ้น เข้าใจไม่ยาก ก็พยายามทำการบ้านกับทุกอย่าง เพื่อให้คนดูดูแล้วสนุกกับละครเรื่องนี้มากที่สุด

เรื่องนี้มีทั้งหมด 16 ตอน มาอาทิตย์ละ 2 ตอน ทุกวันศุกร์ และเสาร์ เราอยากให้คนดูติดตามไปเรื่อยๆ วันนี้เชียร์คู่นี้ ตอนหน้าอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้นะ อยากให้มาลุ้นกันทุกๆ ตอน ว่าความรักและความสัมพันธ์ของแต่ละคนจะลงเอยอย่างไร

และพวกเราอยากขอบคุณมากๆ กับทุกเสียงตอบรับ เราติดตามและพยายามอ่านทุกคอมเมนต์ มีคอมเมนต์ที่ติเข้ามาก็อ่านนะ ยินดีน้อมรับและนำไปปรับปรุงให้ดีที่สุด เป็นสิ่งที่ขะช่วยให้เราได้พัฒนางานไปอีกเรื่อยๆ และอยากขอบคุณคอมเมนต์ที่เข้ามาช่วยให้กำลังใจเป็นแรงเสริมสำคัญให้พลักดันให้เรามีแรงผลิตผลงานต่อๆไป” ทีมผู้สร้าง MY AMBULANCE กล่าวทิ้งท้าย