สมาร์ทโฟนหรือโทรศัพท์มือถือกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคนมากขึ้น รวมถึงมีความสำคัญในการติดต่อธุรกิจ หรือธุรกรรมต่าง ๆ ที่สามารถทำได้ในโทรศัพท์มือถือเราจึงได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น
แต่ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งมองเห็นช่องโหว่ตรงนี้จึงทำให้เกิดกลโกงมิจฉาชีพรูปแบบหนึ่งนั้นก็คือ การโทรเข้ามือถือเราโดยแอบอ้างว่าเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์จากเครือข่ายองค์กรต่าง ๆ เพื่อดูดเอาข้อมูลหรือหลอกให้เราโอนเงินจนเกิดความเสียหาย
จากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทำให้ ทรู คอร์ปอเรชั่นเปิดตัว “True | dtac SECURITY” ยกระดับความปลอดภัยขั้นสุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าปลอดภัยกว่าเดิม “Safer Together” ทั้งโครงข่าย และทุกบริการดิจิทัลไม่ให้มิจฉาชีพเล่นงานเราทางโทรศัพท์ และมีการชู 3 จุดเด่นด้านความปลอดภัยดังให้กับลูกค้า ดังต่อไปนี้
- End-to-end Protection : ป้องกันภัยคุกคามโลกออนไลน์บนเครือข่าย และแอปพลิเคชัน
- 24/7 Smart Monitoring : ระบบป้องกัน และตรวจติดตามเฝ้าระวังการทำงานของระบบแบบเรียลไทม์
- Best-in-class Partnership : ผนึกกำลังกับพาร์ตเนอร์ระดับโลกด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้
คุณฐานพล มานะวุฒิเวช หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ทรูเป็นแบรนด์ที่มีความมุ่งมั่นนำเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้าถึงคนทั่วไป และทำให้ชีวิตดียิ่งขึ้น (Your Everyday Living Tech) ซึ่งหลังจากการควบรวมกิจการทรู และดีแทคทำให้เรานำผู้เชี่ยวชาญจากทั้ง 2 มารวมพลังเพื่อดูแลเอาใจใส่ลูกค้าทุกคนให้ปลอดภัยจากภัยคุกคามที่มาจากยุคดิจิทัล และอาจก่อเกิดความเสียหายในระดับองค์กร และบุคคล”
กลยุทธ์ End-to-End Marketing ที่ ทรู คอร์ปอเรชั่นเลือก!
“End-to-End Marketing” คือ กลยุทธ์ตลาดที่เน้นการควบคุมทุกขั้นตอนของการขายสินค้าและการตลาด ตั้งแต่เริ่มจนจบ การใช้การตลาด End-to-End จะช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการทุกขั้นตอนของกระบวนการตลาดได้โดยเป็นระบบ ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจเติบโตและพัฒนาได้อย่างรวดเร็วอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้ผู้บริโภคพึงพอใจในผลิตภัณฑ์และบริการของแบรนด์
อย่างบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่นก็ใช้กลยุทธ์นี้ เพราะผู้บริโภคมีความต้องการที่สูงขึ้นในการรับบริการและความรวดเร็ว ดังนั้นทางทรูจึงวิเคราะห์ตลาด วางแผนกลยุทธ์ การผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ การกำหนดราคา ทำการตลาดผ่านสื่อต่างๆ การกระตุ้นยอดขาย และการบริการหลังการขาย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ได้มากที่สุดและมีประสิทธิภาพนั่นเอง
เพิ่มความปลอดภัยที่ True | dtac SECURITY มอบให้ลูกค้า
คุณประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “หนึ่งพันธกิจของ ทรู คอร์ปอเรชั่น ต้องการสร้างโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคมให้แข็งแกร่ง เพื่อเพิ่มปลอดภัยแบบสูงสุดให้กับลูกค้า จึงถือกำเนิด True | dtac SECURITY โดยเพิ่มความปลอดภัยของทุกระบบที่ครอบคลุมทั้ง 5 ด้าน” ได้แก่
- Infrastructure Security : ป้องกันระบบโครงสร้างพื้นฐาน และปลอดภัยจากภัยคุกคาม
- Network Security : ป้องกันภัยคุกคาม และการโจมตีบนเครือข่ายที่มีการจำกัดสิทธิการเข้าถึงระบบที่มีการกำหนดผู้ใช้งาน หรือผู้ได้รับอนุญาตเท่านั้น
- Cloud Security : ป้องกันระบบโครงสร้างบนระบบคลาวด์
- 24/7 Smart Security Management : เฝ้าป้องกันระวังภัยคุกคาม ตรวจสอบ และรับมือตลอด 24 ชั่วโมงด้วย Security Center Operation จากเจ้าหน้าที่ และควบคู่ด้วยระบบ AI
- Best-in-Class Partnership : ผสานความแข็งแกร่งจากพาร์ตเนอร์ระดับโลก บริษัท คลาวด์ สไตร์ท อินคอร์พอเรชั่น จำกัด, บริษัท พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ และบริษัท เวคตร้า เอไอ
ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น ทางทรูอยากให้ลูกค้าทุกคนได้รับความปอลภัยที่มากขึ้น โดยมีการปกป้องข้อมูลตามมาตรฐานระดับเวิลด์คลาส และการบริหารจัดการความปลอดภัย ได้แก่
- ระบบตรวจจับการบุกรุกโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ตลอด 24 ชั่วโมง และวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ไม่ประสงค์ดี
- ใช้สถาปัตยกรรมแบบ Zero-trust
- ใช้ระบบข่าวกรองไซเบอร์ (Threat Intelligence Platform)
- พิสูจน์ตัวตนของลูกค้าด้วยระบบ e-KYC ที่มีการตรวจสอบตัวตน 2 ชั้นการลงชื่อเข้าใช้ครั้งแรก
- มีการดูแลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และการปกป้องข้อมูลการรักษาพยาบาล
ทั้งหมดนี้ถือเป็นการยกระดับความปลอดภัยให้กับลูกค้าทุกคนได้อุ่นใจในการใช้งาน แต่ถึงอย่างไรก็ตามลูกค้าก็ต้องระมัดระวังหรืออัปเดตข่าวสารอยู่เสมอเพื่อจะได้ไม่เกิดความเสียหายในอนาคต